นายยูกิ คูซูมิ ประธาน บริษัทพานาโซนิค โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพานาโซนิคยักษ์ใหญ่ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่ากำลังพิจารณาที่จะขาย หรือลดขนาดกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ยี่ห้อพานาโซนิคเพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับโครงสร้างธุรกิจรวมถึงทำให้กลุ่มธุรกิจมีความคล่องตัวสูงที่จะเติบโตได้ในอนาคต อย่างไรก็ตามในปัจจุบันคิดว่ายังไม่มีบริษัทรายใดที่สนใจจะซื้อกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ ถ้าหากมีนักลงทุนสนใจยื่นข้อเสนอเข้ามา และมีความจำเป็นจริงๆ พานาโซนิคก็พร้อมที่จะขายธุรกิจดังกล่าวออกไป พานาโซนิคเป็นผู้ผลิตทีวีจอขาวดำเป็นครั้งแรกในปี 1952 หรือเมื่อ 73 ปีผ่านมา ต่อมาในปี 1960 ผลิตทีวีจอสีเป็นครั้งแรก หรือเมื่อ 65 ปีผ่านมา
ปัจจัยสำคัญต่อมาคือโทรทัศน์พานาโซนิคต้องเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับโทรทัศน์แบรนด์จีนอย่างต่อเนื่อง ออมเดีย ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยการตลาดชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่าส่วนแบ่งตลาดโทรทัศน์จอแบนของพานาโซนิคเมื่อวัดจากการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน 2024 อยู่ที่ 12.8% ตกต่ำลงจากที่เคยมีอยู่ที่ 20% ในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากแบรนด์โทรทัศน์สัญชาติจีนเข้ามาทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสามารถครองส่วนแบ่งตลาดโทรทัศน์เกินกว่าครึ่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ที่สำคัญโทรทัศน์พานาโซนิคยกเลิกการทำตลาดโทรทัศน์ในประเทศสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลา 10 ปี
บริษัทพานาโซนิค โฮลดิ้งส์ ได้ประกาศแผนปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนึ่งในแผนคือการยุบหน่วยธุรกิจพานาโซนิค ซึ่งในปัจจุบันแกนหลักของหน่วยธุรกิจพานาโซนิคจะเน้นสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า แผนการปรับโครงสร้างธุรกิจดังกล่าวจะเสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ 2025 นี้ นอกจากนี้จะมีการยุบรวมสายงานธุรกิจที่ผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทความบันเทิง ที่เรียกว่าแบล็คกู้ดส์ ซึ่งประกอบด้วย กล้องถ่ายภาพ โทรทัศน์ เครื่องเสียงเข้าร่วมกับกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน หรือไวท์กู้ดส์ ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทพานาโซนิค โฮลดิ้งส์ มีกลุ่มธุรกิจที่จะต้องดูแลทั้งหมดถึง 6 กลุ่มด้วยกัน หลังจากได้มีการขายกลุ่มธุรกิจยานยนต์ออกไปเมื่อเดือนธันวาคมในปี 2024 ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 24 มกราคมผ่านมา บีซีเอ็น บริษัทวิจัยการตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่าโทรทัศน์จอแบนขายภายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2024 ผ่านไป พบว่าเกินครึ่งหนึ่งเป็นแบรนด์สัญชาติจีน และผลิตจากประเทศจีน โทรทัศน์แบรนด์สัญชาติจีนมีส่วนแบ่งตลาดโทรทัศน์เกิน 50% ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปีผ่านมากลายเป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี หรือ นับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมาที่เริ่มมีการเก็บข้อมูลดังกล่าว
ทีวีเอส เรกซา ซึ่งเป็นแบรนด์โทรทัศน์ที่อยู่ในเครือของบริษัทไฮเซ็น (Hisense) ที่เป็นผู้ผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังสัญชาติจีน มีส่วนแบ่งโทรทัศน์เป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นมากถึง 25.4% ในขณะที่อันดับที่ 3 เป็นยี่ห้อไฮเซ็นจากจีน มีส่วนแบ่งที่ 15.7% ตามด้วยอันดับที่สี่เป็นยี่ห้อทีซีแอลด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 9.7% ที่น่าสนใจ คือแบรนด์โทรทัศน์สัญชาติญี่ปุ่นชื่อดังระดับโลกมาเป็นเวลนานหลายทศวรรษ ได้แก่ โซนี่ และพานาโซนิค ถูกโทรทัศน์แบรนด์สัญชาติจีนกินส่วนแบ่งตลาดในประเทศญี่ปุ่นต่อเนื่อง ไม่เพียงทำให้เสียอันดับส่วนแบ่งตลาดให้กับแบรนด์สัญชาติจีนทั้งคู่ แต่ยังหลุดอันดับส่วนแบ่งตลาดในอันดับต้นๆ อีกด้วย
ปัจจัยที่ทำให้แบรนด์โทรทัศน์สัญชาติจีนสามารถขยายและกินส่วนแบ่งตลาดโทรทัศน์ในประเทศญี่ปุ่นได้นั้นเป็นผลมาจากการใช้ประโยชน์สูงสุด ด้านต้นทุนการผลิตจากเครือข่ายโครงสร้างการผลิตของบริษัทจีนด้วยกัน ที่เห็นได้ชัดเจนคือเจ้าของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติจีนโดยเฉพาะแบรนด์โทรทัศน์จะมีการสั่งชิ้นส่วน เช่น หน้าจอ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆเป็นจำนวนมากมาย ดังนั้น จึงสามารถตั้งราคาขายโทรทัศน์ในประเทศญี่ปุ่นที่มีราคาถูกกว่าแบรนด์ญี่ปุ่นมาก ไฮเซน ซึ่งเป็นหนึ่งในแบนโทรทัศน์สัญชาติจีนน้องใหม่ตั้งราคาขายโทรทัศน์จอแบนขนาด 55 นิ้วที่ราคา ต่ำกว่า 100,000 เยน หรือ 650 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 22,100 บาท ในขณะที่ พานาโซนิคตั้งราคาขายโทรทัศน์ขนาดเดียวกันในราคาสูงกว่า 200,000 เยนขึ้นไป
นอกจากนี้ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ล้วนรู้จักและให้ความคุ้นเคยกับแบรนด์โทรทัศน์สัญชาติจีนมากยิ่งขึ้นที่สำคัญ ประชาชนชาวญี่ปุ่นได้มองหาทางเลือกในการประหยัดค่าใช้จ่าย ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อในญี่ปุ่นที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะเมื่อจำเป็นจะต้องซื้อหาเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรทัศน์ เป็นต้น
แบรนด์สัญชาติจีนสามารถที่จะขยายส่วนแบ่งตลาดโทรทัศน์ในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นถึง 20% ในช่วงระหว่างปี 2020 ถึง 2024 ที่ผ่านมา ส่งผลให้แบรนด์โทรทัศน์จีนสามารถทำตลาดในโทรทัศน์ประเภทสมาร์ททีวีซึ่งมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้แบรนด์โทรทัศน์ที่มาจากประเทศจีนล้วนให้ความสำคัญกับตลาดโทรทัศน์ที่มีขนาดเล็ก หรือมีขนาดหน้าจอไม่เกิน 40 นิ้วในประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วเร็วนี้แบรนด์โทรทัศน์สัญชาติจีนได้ขยับเป้าหมายใหม่เข้าไปเจาะตลาดโทรทัศน์ขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นและมีเทคโนโลยีซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ไฮเซน มียอดขายโทรทัศน์เพิ่มขึ้นถึง 33% ในปี 2024 ที่ญี่ปุ่น เนื่องจากสามารถเจาะตลาดโทรทัศน์ประเภทมินิ-แอลอีดี เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น