นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 68 ยังมั่นใจว่าสามารถเติบโตได้ดี โดยมีโอกาสขยายตัวได้ราว 3% เนื่องจากยังไม่มีผลกระทบจากปัญหาเรื่องกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ แต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง
ในการทำสงครามการค้าเต็มรูปแบบ ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศไว้ก่อนเข้ารับตำแหน่ง การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก และแคนาดาเพิ่มอีก 25% นั้น หลังการเจรจาต่อรอง ก็ขยายเวลาออกไปอีก 1 เดือน ส่วนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% จากที่ประกาศไว้ 65% แม้ไม่มีการเจรจาก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อจีน เนื่องจากสินค้ามีราคาถูก
เนื่องจากขณะนี้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อยู่ที่ 2.9% หากราคาสินค้ากลับมาแพงขึ้น อาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตามขณะนี้นับเป็นช่วงโอกาสดีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเชื่อมความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งทางการจีนมีท่าทีตอบรับที่ดีจากการสานต่อความร่วมมือโครงการรถไฟความเร็วสูง การลงทุนในอุตสาหกรรมไอที และยานยนต์ ตลอดจนความร่วมมือแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ขณะเดียวกัน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ เพื่อเจรจาต่อรองล่วงหน้าก่อนที่จะมีมาตรการออกมา ซึ่งคาดว่าจะมีโอกาสได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐฯ และไทยมีท่าทีเชิงรุก กรณีจะนำเข้าก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างสมดุลเรื่องการค้า ที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่ได้พูดถึงประเทศไทยแต่อย่างใด ซึ่งต้องรอเดือน เม.ย.68 เพราะไทยมีความเสี่ยง เนื่องจากเกินดุลการค้าจากสหรัฐฯ