จากกรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (10 ก.พ.) ให้ปรับขึ้นอัตราภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ เป็น 25% จากอัตราเดิมที่ระดับ 10% และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มี.ค. โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ ที่กำลังประสบปัญหา อย่างไรก็ดี ตลาดกังวลว่ามาตรการดังกล่าวทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามการค้ายิ่งสูงขึ้นนั้น
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีได้รวบรวมรายชื่อประเทศที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากมาตรการภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ แต่ก็มีหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกอลูมิเนียมรายใหญ่อันดับ 10 ให้กับสหรัฐฯ
ในส่วนของประเทศไทยคาดว่าจะได้รับผลกระทบในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากไทยเป็นผู้ส่งออกอลูมิเนียมรายใหญ่อันดับ 10 ให้กับสหรัฐฯ
ข้อมูลจากคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า แคนาดาเป็นประเทศผู้ส่งออกเหล็กรายใหญ่อันดับ 1 ของสหรัฐฯ รองลงมาคือ เม็กซิโก บราซิล เกาหลีใต้ เยอรมนี ญี่ปุ่น ไต้หวัน เวียดนาม อิตาลี และจีน
นอกจากนี้แคนาดายังเป็นผู้ส่งออกอลูมิเนียมรายใหญ่อันดับ 1 ให้กับสหรัฐฯ รองลงมาคือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เกาหลีใต้ จีน บาห์เรน อาร์เจนตินา อินเดีย เม็กซิโก เยอรมนี และไทย
ข้อมูลของทางการสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าการนำเข้าเหล็กของสหรัฐฯ ลดลงอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ในปี 2567 ตัวเลขการนำเข้าเพิ่มขึ้นแตะระดับ 26.2 ล้านเมตริกตัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าเป็นผลมาจากมาตรการภาษีที่นำมาใช้ในช่วงที่ปธน.ทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรก
ส่วนการนำเข้าอลูมิเนียมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 14% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การส่งออกอลูมิเนียมของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2563
เจมส์ แคมป์เบลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ CRU กล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า “ผมคาดว่ามาตรภาษีจะส่งผลต่อสหรัฐฯ แตกต่างกันไปตามช่วงเวลา โดยในช่วงแรก อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ ส่วนในระยะยาว เราอาจเห็นการลงทุนที่เพิ่มขึ้น”
นับตั้งแต่ที่ปธน. ทรัมป์ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีเมื่อครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2561 สหรัฐฯ ได้เห็นการลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งในอุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียม โดยในระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์เก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) นอกจากนี้ รัฐบาลของเขายังจำกัดปริมาณการนำเข้าจากประเทศอื่นๆ รวมถึงเกาหลีใต้ อาร์เจนตินา และออสเตรเลีย
รายงานจากสำนักงานวิจัยแห่งรัฐสภาสหรัฐฯ ระบุว่าในช่วง 5 เดือนแรกของการใช้มาตรการดังกล่าว รัฐบาลทรัมป์สามารถจัดเก็บรายได้มากกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์
แคนาดาและเม็กซิโกเป็นสองประเทศผู้ส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมรายใหญ่สุดของสหรัฐฯ และมีความเสี่ยงที่จะถูกกระทบมากที่สุดจากมาตรการนี้ ขณะที่เยอรมนีเกาหลีใต้ เวียดนาม และญี่ปุ่น ก็ติดกลุ่มประเทศที่จะได้รับผลกระทบเช่นกัน