ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าในปี 2568 รายได้ตลาดอินเทอร์เน็ตผู้บริโภค (B2C) คาดว่าจะเติบโต 1.6% จากการขยายตัวของอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ 2.7% และการหดตัวของอินเทอร์เน็ตประจำที่ 2.0% ในขณะที่ ตลาดอินเทอร์เน็ตองค์กร (B2B) คาดว่าจะเติบโต 5.1%
สำหรับธุรกิจดาวเทียมสื่อสาร ในปี 2568 คาดว่า จะมีการเติบโตของรายได้ราว 5.0% จากการที่มีดาวเทียมเปิดใช้งานเพิ่มขึ้นและการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอินเทอร์เน็ตและดาวเทียมสื่อสารในไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านรายได้ ทำให้ต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มรายได้และรักษาความสามารถในการแข่งขัน สำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ต มีการเสนอแพ็กเกจพ่วงและบริการเสริม ส่วนธุรกิจดาวเทียมสื่อสารได้มีการลงทุนในโมเดลธุรกิจดาวเทียมแบบใหม่ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยปี 2568 ภาพรวมธุรกิจอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินเติบโต 2.2% ชะลอตัวจากตลาดอินเทอร์เน็ตผู้บริโภค โดยในธุรกิจอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินในไทยมีสองตลาดหลัก ตลาดผู้บริโภค ซึ่งมีส่วนแบ่งรายได้ 83% และตลาดองค์กร ที่มีส่วนแบ่ง 17% ตลาดผู้บริโภคที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดิน ทำให้แนวโน้มของตลาดมีอัตราเติบโตที่ลดลง
รายได้ตลาดผู้บริโภคอินเทอร์เน็ตประกอบด้วยอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่และประจำที่ โดยมีสัดส่วนรายได้ราว 78% และ 22% ตามลำดับ
ในปี 2568 อินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่คาดว่าจะเติบโต 2.7% ชะลอตัวจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวราว 4.4% โดยส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตที่ช้าลงของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลต่อรายได้อินเทอร์เน็ตในตลาดดังกล่าว นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตชาวไทยก็มีแนวโน้มทรงตัว เพราะกว่าร้อยละ 96 ของประชากรไทยมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการก็เริ่มมีการปรับตัว และมุ่งเน้นในการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหมายเลข/เดือนที่มีแนวโน้มขยายตัว 2.4% ในปี 2568 จากการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริการอินเทอร์เน็ตผ่านการให้บริการเสริมต่างๆ เช่น บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ ประกอบกับผู้บริโภคก็มีแนวโน้มใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ส่งผลให้ยังคงช่วยรักษาการเติบโตของตลาดไว้ได้
สำหรับรายได้จากอินเทอร์เน็ตประจำที่ ในปี 2568 คาดว่าจะหดตัว 2.0% เนื่องจากสัดส่วนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในครัวเรือนไทยลดลงต่อเนื่องหลังจากแตะจุดสูงสุดในช่วงโควิด-19 ที่ 44.8% ของจำนวนครัวเรือนไทย โดยคาดว่าในปีนี้จะลดลงสู่ระดับ 31.4% จากการกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้าน และการเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในครัวเรือนที่มีผู้พักอาศัยคนเดียว ซึ่งลดความต้องการอินเทอร์เน็ตประจำที่ ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อหมายเลข/เดือนของปี 2568 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 มีการลดลงถึง 19.0%
ระหว่างปี 2563-2567 รายได้จากตลาดอินเทอร์เน็ตองค์กรในไทยเติบโตเฉลี่ย 16.6% ต่อปี จากการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลทำให้ธุรกิจมีการใช้งานและลงทุนในเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น เช่น การลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ และการประยุกต์ใช้ AI ในภาคธุรกิจ เป็นต้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 2,336% ทำให้ตลาดอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยยังคงมีทิศทางเติบโต โดยในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 14.3% ซึ่งจะมีส่วนหนุนอุปสงค์อินเทอร์เน็ตภาคองค์กรในปีนี้
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของตลาดองค์กรอาจไม่มากพอที่จะขับเคลื่อนภาพรวมของธุรกิจอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินเนื่องจากสัดส่วนรายได้ของยังคงน้อยกว่าตลาดผู้บริโภค
ปี 2568 รายได้จากธุรกิจดาวเทียมสื่อสารคาดว่าจะเติบโต 5.0% แต่ยังเผชิญความท้าทายในการฟื้นฟูรายได้ให้กลับมาใกล้เคียงอดีต
สำหรับธุรกิจดาวเทียมสื่อสาร หลังจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคทีวีดิจิทัล และการพัฒนาอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินที่มีต้นทุนต่ำ อีกทั้งเข้าถึงได้ง่ายกว่า ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจดาวเทียมลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 มีปัจจัยบวกที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ ได้แก่
1)การปรับตัวของผู้ประกอบการในไทยที่ขยายเข้าสู่ธุรกิจบริการที่หลากหลายมากขึ้น
2)การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
3)ในปี 2568 จะมีดาวเทียมพร้อมเปิดให้บริการใหม่
ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าธุรกิจดาวเทียมจะมีการท้าทายในการฟื้นฟูรายได้ให้กลับมาใกล้เคียงอดีต แต่คาดว่าในระยะยาวจะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนขึ้น เนื่องจากต้นทุนการยิงดาวเทียมลดลงอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีจรวดใช้ซ้ำได้ของ SpaceX ที่ช่วยลดต้นทุนจากระดับพันล้านบาทเหลือหลักร้อยล้านบาท ซึ่งจะกระตุ้นการลงทุนดาวเทียมดวงใหม่และส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมดาวเทียม
ความเสี่ยงของธุรกิจอินเทอร์เน็ต อาจถูกแทนที่ด้วยอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ทำให้ธุรกิจอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินเผชิญกับแนวโน้มรายได้ที่ลดลง ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) อาจกลายเป็นตัวท้าทายหลักต่ออินเทอร์เน็ตภาคพื้นดิน รวมทั้งการให้บริการอินเทอร์เน็ต และดาวเทียมอาศัยการประมูลคลื่นความถี่และใบอนุญาตใช้วงโคจรดาวเทียมที่จัดโดย กสทช. ซึ่งการจัดสรรคลื่นความถี่ และวงโคจรดาวเทียมนั้นกำหนดขีดความสามารถในการให้บริการของผู้ประกอบการ ตลอดจนรายได้จากธุรกิจดาวเทียมสื่อสารจากต่างประเทศอาจมีความผันผวนสูงเนื่องจากความไม่แน่นอนของค่าเงิน