นายเดวิด แบรนช์ ผู้จัดการสายงานวิจัย สถาบันอาหารเกษตร ธนาคารเวลล์ ฟาร์โก เปิดเผยว่าราคาสินค้าช็อกโกแลตในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ปีนี้จะมีราคาเพิ่มขึ้น 10 ถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว สาเหตุจากราคาโกโก้มีราคาพุ่งสูงขึ้นกว่าสองเท่านับตั้งแต่ต้นปี 2024 จนถึงปัจจุบัน หรือในช่วงหนึ่งปีเศษผ่านมา
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2024 พบว่าราคาโกโก้มีราคาพุ่งทะยานสูงขึ้นแตะที่ระดับ 12,646 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เนื่องจากสภาวะอากาศที่แปรปรวนอย่างมากทางแอฟริกาตะวันตก รวมถึงโรคระบาดที่เกิดขึ้นกับโกโก้ทำให้ผลผลิตโกโก้ออกสู่ตลาดลดน้อยลงมาก
ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมานั้น ต้นทุนการผลิตช็อกโกแลตพุ่งทะยานขึ้นมากกว่า 167% ซึ่งสะท้อนจากดัชนีเงินเฟ้อผู้ผลิตสินค้าเกษตรในสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับช็อกโกแลตมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายโดยเฉพาะในปี 2024 ปรากฏว่าลินด์ท ได้มีการปรับขึ้นราคาขายช็อกโกแลตแบรนด์ลินด์ท นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่า ในปี 2025 นี้ ต้นทุนโกโก้จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ราคาขายจะปรับเพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ลินด์ท ขึ้น ราคาขายขนมช็อกโกแลตรูปหัวใจ ในกล่องขนาด 5.7 ออนซ์ ที่ราคา 21.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 746 บาท
แบรนด์เฮอร์ชี่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ช็อกโกแลตที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกเปิดเผยว่าในปีที่แล้วได้ตัดสินใจซื้อราคาโกโก้ล่วงหน้า หรือ Future ตลอดทั้งปี เพื่อเป็นการควบคุมต้นทุนการผลิตทำให้ขนมช็อกโกแลตของเฮอร์ชี่ จะมีราคาส่งตัว เช่นขนมปังช็อกโกแลตแบรนด์เฮอร์ชี่ขนาด 1 ปอนด์ มีราคาขาย 14.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 510 บาท
นายเดิร์ค แวน เดอ พุทท์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ มอนเดเลส อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ผลิตขนมช็อกโกแลตแบรนด์ท็อปเบลอโรนชื่อดังทั่วโลก เปิดเผยว่า ราคา โกโก้ที่มีราคาแพงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้กลายเป็นต้นทุนเงินเฟ้อของผู้ผลิตสินค้าซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้สัญญาซื้อขายโกโก้ล่วงหน้า หรือฟิวเจอร์ มีราคาพุ่งทะยานกว่า 143% ในปี 2024 ผ่านไป ขณะที่เมื่อวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาราคาโกโก้ล่วงหน้ามีราคาซื้อขายต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งยังคงเป็นราคาที่ต่ำกว่าสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เมื่อธันวาคมในปี 2024 อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกที่จะหนุนราคาโกโก้เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้ยังคงมีอยู่เช่นเคย ได้แก่ ประเทศกาน่า และประเทศ ไอวอรี่ โคสท์ ซึ่งอยู่ในแอฟริกาตะวันตก มีการผลิตโกโก้ของทั้งสองประเทศรวมกันคิดเป็น 70% ของการผลิตโกโก้ในโลก อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนกับผลผลิตจากทั้งสองประเทศนี้ยังคงมีอยู่สูงเนื่องจากสภาวะภูมิอากาศที่แปรปรวนรุนแรง