นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท วันนี้ อยู่ที่ระดับ 33.73 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 33.62 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 33.57-33.78 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่า เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการปรับเพิ่มโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้ จากรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม จะหดตัว -0.9%m/m แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้มาก เงินบาทกลับเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า หลังราคาทองคำ (XAUUSD) พลิกกลับมาปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด อีกทั้งแนวโน้มการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน และพัฒนาการของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ดีขึ้น ก็มีส่วนเพิ่มแรงกดดันต่อราคาทองคำ
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.35- 34.25 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.65-33.90 บาทต่อดอลลาร์ โดยคาดว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว Sideways ภายใต้ความผันผวนสูง โดยต้องจับตาทิศทางเงินดอลลาร์ รวมถึงราคาทองคำ (ที่อาจย่อตัวลงบ้าง) ส่วนฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทย อาจต้องรอลุ้นรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน ที่จะชี้ชะตาแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นได้
ด้าน กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.70-33.90 บาท/ดอลลาร์ โดยที่เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันด้านแข็งค่าหลังเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือนมกราคม ออกมาที่ -0.9%MOM ต่ำกว่าตลาดคาดและต่ำที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี จากกลุ่มยานยนต์และอุปกรณ์กีฬา ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อ
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มยานยนต์ในวันที่ 2 เมษายน ขณะที่นายกฯ เยอรมนีออกมาเตือนว่าพร้อมขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ หากสหรัฐฯเริ่มใช้ Tariffs ต่อ EU รวมทั้ง เศรษฐกิจยูโรโซนไตรมาส 4 ปีที่แล้ว โต 0.1%QOQ สูงกว่าคาดการณ์