สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งชาติ ญี่ปุ่น เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งรวมทั้งรถยนต์นั่งและรถเชิงพาณิชย์มีมูลค่า 6 ล้านล้านเยน หรือ 39,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.36 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 28% ของสินค้าส่งออกทุกประเภททั้งหมดไปตลาดสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้การส่งออกรถยนต์คิดเป็นประเภทสินค้าส่งออกใหญ่ที่สุดไปสหรัฐอเมริกาเมื่อคิดในแง่มูลค่า ขณะที่ชิ้นส่วนยานยนต์คิดเป็น 6% กลายเป็นประเภทสินค้าส่งออกใหญ่อันดับ 2 ไปสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ดำเนินมาตราภาษีนำเข้าสินค้าตามที่ได้หาเสียงไว้ออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งมีทั้งส่งผลโดยตรง และส่งผลทางอ้อมกับอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ได้แก่ ภาษีนำเข้าสินค้าที่กระทบทางตรง 3 รายการ ได้แก่ อัตราภาษีนำเข้า 25% เหล็ก และอลูมิเนียมจากทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งจะมีผลวันที่ 12 มีนาคมนี้ อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ 10-20% ที่จะมีผลในวันที่ 2 เมษายนนี้ และอัตราภาษีเท่าเทียม หรือภาษีต่างตอบแทน 10-20% กับทุกประเทศที่เก็บภาษีส่งออกสินค้าสหรัฐอเมริกา
ส่วนภาษีนำเข้าสินค้าที่กระทบทางอ้อม 1 รายการ ได้แก่ การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทุกชนิด 25% จากเม็กซิโก และแคนาดา ซึ่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นมีโรงงานผลิตรถยนต์ในเม็กซิโก และแคนาดา ถึงแม้ว่าจะชะลอให้มีผลอีก 30 วันนับตั้งแต่วันที่ประกาศผ่านมา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินหรือซีเอฟโอ ฮอนด้า มอเตอร์ นายเออิจิ ฟูจิมูระ ซึ่งเป็นค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ปีละ 610,000 คันจะได้รับผลกระทบจากนโยบายและมาตรการเก็บขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าในประเทศเม็กซิโก และแคนาดาทำการส่งออกจำนวน 550,000 คันเข้าไปในตลาดสหรัฐอเมริกา
ในขณะเดียวกันโรงงานรถยนต์ฮอนด้า ซึ่งผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาทำการส่งออกจำนวน 60,000 คัน มายัง 2 ประเทศดังกล่าว ในภาพรวมแล้วจะขึ้นอยู่กับรุ่นด้วย โดยมีราคาขายเฉลี่ยคันละ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 1.02 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อเจอเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 25% กับจำนวนรถที่ประกอบเสร็จและนำเข้าทั้งหมด 610,000 คัน จึงทำให้รถยนต์ที่ประกอบเสร็จสมบูรณ์จากทั้ง 2 ประเทศ จะได้รับผลกระทบด้านราคาขาย ไม่เพียงเท่านั้นถ้าหากมาตรการภาษีเก็บขึ้น 25% กับเหล็ก อะลูมิเนียม และชิ้นส่วนยานยนต์ ผลกระทบจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นนับหลายร้อยพันล้านเยน
มาร์คไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยในอุตสาหกรรมรถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่งเปิดเผยว่าค่ายรถยนต์ทั้ง 2 แบรนด์ ได้แก่ นิสสัน และมาสด้า ทำการนำเข้ารถยนต์ถึงกว่า 33% และ 25% ตามลำดับของจำนวนรถทั้งหมดที่ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ขายในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการนำเข้าจากประเทศเม็กซิโก
ด้านนายมาโกโตะ ยูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นิสสัน กล่าวว่าถ้าอัตราภาษีมีผลบังคับใช้จริง นิสสันต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและระมัดระวังที่สุดในแง่จะทำอย่างไรที่จะผลิตรถยนต์จากฐานการผลิตอื่นๆ สอดคล้องกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินหรือซีเอฟโอ มาสด้า นายเจฟเฟอร์รี เอช กายทัน กล่าวว่า ตลาดรถยนต์สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดสำคัญมากสำหรับมาสด้า และมาสด้ายังคงมีการพูดคุย กับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง เพื่อความพยายามในการสร้างการค้าที่เป็นธรรม และเสรี