นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 นี้ เผชิญความท้าทายจากข้อจำกัดใหญ่ ได้แก่ หนี้ครัวเรือนสูงที่ระดับ 85-90% ทำให้ฉุดกำลังซื้อคนน้อยลง ขณะที่เกิดภาวะบ้านล้นตลาด โดยเฉพาะกลุ่มบ้านเดี่ยวต้องรอการขายนาน 5 ปี ในภาวะปกติใช้เวลาราว 2 ปี ซึ่งคาดว่าอีก 3 ปี จึงจะกลับสู่สภาวะปกติ ตอนนี้กลุ่มที่ค่อนข้างขายได้คือ บ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป สุดท้าย คือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าต่ำ ทำให้คนไม่มั่นใจเศรษฐกิจ ส่งผลให้ไม่กล้าจับจ่ายมากนัก ส่วนข้อจำกัดที่ไม่สามารถควบคุมได้ ยังคงต้องจับตาความผันผวนเศรษฐกิจโลก จาทรัมหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ มาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก ที่มีทั้งโอกาสและความท้าทาย
บริษัทฯ ทำการปรับพอร์ตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยง ใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจที่อยู่อาศัย ในปัจจุบันมี 96 โครงการ รวมมูลค่า 94,500 ล้านบาท ในจำนวนนี้จะเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 15 โครงการ มูลค่า 28,000 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านแนวราบ 12 โครงการ มูลค่า 18,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมจำนวน 3 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ไฮไลต์ คือ การเปิดตัวโครงการบ้านหรู SONLE จำนวน 5 ยูนิต ราคาเริ่มต้นหลังละ 200 ล้านบาทเป็นครั้งแรก ขนาดใหญ่ราวครึ่งไร่ มีพื้นที่ใช้สอย 1,300–1,500 ตร.ม. จากเดิมเคยเปิดตัวราคาหลัก 100 ล้านบาท ในโครงการ 95E1 และ คอนนาเซอร์ สาเหตุจากยังคงมีความต้องการจากกลุ่มเศรษฐีที่อยากมีบ้านขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ประกอบกับบ้านแนวราบกลุ่มอื่น ๆ ยังเผชิญปัญหาซัพพลายล้น
”ปีนี้วางเป้ายอดขาย (พรีเซล) 26,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% (YoY) ประมาณ 23,000 ล้านบาท (สัดส่วน 92% จากพอร์ตฯ รายได้รวม) ปัจจุบันมีแบ็กล็อกในมือราวๆ 17,000 ล้านบาท“
ถัดมาเป็นธุรกิจรายได้ประจำ ปัจจุบันมี 19 โครงการ ครอบคลุมทั้งโรงแรม ออฟฟิศ คลังสินค้า และอพาร์ตเมนต์ในอเมริกา ในส่วนธุรกิจโรงแรมนั้น บริษัทฯมีแผนขยายให้ครบ 1,000 ห้องภายใน 3 ปี เนื่องจากการเติบโตของนักท่องเที่ยว เช่น KROMO บริหารกลุ่ม Hilton และ The Standard Pattaya ที่บริษัทร่วมทุนกับกลุ่มซินเน็ค เตรียมจะเปิดตัวกลางปี 2568 นี้ ด้านธุรกิจแวร์เฮ้าส์ บริษัทฯเตรียมขยายพื้นที่ใน 3 โซน ได้แก่ บางนา กม.20 จำนวน 78,000 ตร.ม., แหลมฉบัง 46,000 ตร.ม. และอมตะ ชลบุรี 37,000 ตร.ม. เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีพื้นที่แวร์เฮ้าส์ประมาณ 200,000 ตร.ม.
สุดท้ายเป็นธุรกิจใหม่ เกี่ยวกับการบริการที่อยู่นอกกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเตรียมเปิดตัวปี 2569 เป็นต้นไป
“บริษัทฯ ตั้งเป้าให้กลุ่มธุรกิจที่ 2-3 หรือ ธุรกิจรายได้ประจำ และธุรกิจใหม่ เกี่ยวกับการบริการที่อยู่นอกกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีตัวเลข EBIDA สูง 25% จากตอนนี้อยู่ที่ 20% รวมถึงตั้งเป้าปี 2568 มีรายได้ 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เปรียบเทียบช่วงเดียวกันกับปีผ่านมา ประกอบด้วยรายได้จากแนวราบ 70% คอนโดมิเนียม 22% และ ธุรกิจในกลุ่มที่ 2 และ 3 รวมประมาณ 8% ทั้งนี้ ภายใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ ตั้งเป้ามีรายได้แตะ 30,000 ล้านบาท ขณะที่วางงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท