‘Easy Rice’ พลิกเกมอุตสาหกรรมเกษตร พัฒนาระบบตรวจสอบคุณภาพข้าวอย่างแม่นยำด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
จากกระแสข่าวในปัจจุบันเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ทำให้หลายคนรู้สึกขยาด เพียงแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าเสี่ยงจะตกงาน แต่ในความเป็นจริง AI ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยที่มนุษย์เองก็ยังมีงานทำอยู่ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็เช่นธุรกิจสตาร์ทอัพ ‘Easy Rice’ ที่ BTimes จะพาไปรู้จักในวันนี้ ที่ได้นำความฉลาดของ AI มาใช้ในวงการเกษตรกรรม ช่วยแก้ปัญหาข้าวไทยได้อย่างครบวงจร
ด้วยความที่ไทยมีการประกอบอาชีพเกษตรกรมาอย่างยาวนาน จนได้รับการขนานนามว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ อีกทั้งยังเป็นประเทศแห่งการส่งออกข้าวเบอร์ต้นๆ ไปทั่วโลก แต่ในทางกลับกันเกษตรกรก็ต้องพบปัจจัยลบหลายอย่าง กระทบถึงผลผลิตที่คลอดออกมาไม่เป็นไปตามคาด จนถูกเพื่อนๆ ในประเทศอื่นตีกินส่วนแบ่งการตลาดมาอย่างติดๆ ทำให้คุณภูวินทร์ คงสวัสดิ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Easy Rice เกิดความคิดที่อยากจะนำพัฒนาและช่วยแก้ปัญหาเรื้อรังให้กับอุตสาหกรรมเรือธงของประเทศได้เดินต่ออย่างราบรื่น กอปรกับช่วงนั้นได้กระโจนเข้าไปร่วมโพรเจกต์กับรุ่นพี่ในเรื่องการส่งออกข้าว จนไปพบปัญหาว่าเมื่อปริมาณข้าวในการตรวจสอบแต่ละวันมีมากสวนทางกับจำนวนบุคลากร ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงเฟ้นหาทางแก้หยิบเอา AI มาสร้างเป็นระบบตรวจสอบคุณภาพข้าว ภายใต้ชื่อ ‘Easy Rice’ ซึ่งมีระบบ EASYRICE MP หรือระบบ AI ตรวจสายพันธุ์ข้าวเปลือก และ EASYRICE M0 หรือระบบ AI ตรวจคุณภาพข้าวสาร
‘Easy Rice’ ใช้ระยะเวลาดำเนินการมาถึง 3 ปี เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บข้อมูลร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงพาณิชย์ และกรมการข้าว ก่อนจะนำมาวิเคราะห์จนเจอต้นตอของปัญหานั่นคือการตีราคารับซื้อข้าว ซึ่งต้องอาศัยปัจจัย 3 ข้อมาเป็นตัวช่วย ได้แก่ คุณภาพข้าว การปลอมปนข้าว และความชื้น จากนั้นก็ได้นำกลับมาวางแผนการออกแบบภายใต้วัตถุปราะสงค์ที่ต้องการให้ระบบนี้สามารถใช้ได้ทั้งห่วงโซอุปทานของการผลิต และการส่งออกข้าว
ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั้งหมด 320 โรงงาน 400 แอคเคาท์ และมีการใช้งาน 1 ล้านครั้งต่อปี ซึ่งทีมผู้ออกแบบยังมองเห็นโอกาสในการพัฒนาระบบเพื่ออุดรอยรั่วต่างๆ ในอนาคต ตลอดจนขยายระบบเข้าไปช่วยตรวจสอบผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ผลไม้ และเมล็ดกาแฟ เป็นต้น
หมุดหมายต่อไปคือการนำเทคโนโลยี ‘Easy Rice AI’ ขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศอย่างอินเดียและเวียดนาม รวมถึงค่อยๆ เข้าไปตีตลาดในประเทศอื่นๆ ของอาเซียนร่วมด้วย
