นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บมจ.ซีพี ออลล์ ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าบริษัทฯ ยืนยันไม่มีความประสงค์เข้าร่วมลงทุนในบริษัทค้าปลีกของประเทศญี่ปุ่น ตามที่ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนจำนวนมากยังคงแสดงความกังวลใจที่บริษัทฯ จะเข้าร่วมลงทุนในบริษัทค้าปลีกของประเทศญี่ปุ่นตามข่าวที่ปรากฏในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ขอเรียนให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนเชื่อมั่นว่าบริษัทฯ มีนโยบายในการลงทุนที่อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์สูงสุดผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสีย และมุ่งเน้นที่จะสร้างการเติบโตของธุรกิจหลักของบริษัทฯ เป็นสำคัญ บริษัทฯ ขอยืนยันว่า บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมลงทุนตามข่าวที่ปรากฏแต่อย่างใด
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ผ่านมา สำนักข่าวบลูมเบิร์ก สำนักข่าวชื่อดังด้านเศรษฐกิจการเงินการลงทุนระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา รายงานว่าครอบครัวอิโตะ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งส์ ที่เป็นเจ้าของและผู้ให้บริการร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีแลฟเว่น (7-11) ที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด ได้ติดต่อไปยัง 2 ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ได้แก่ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป และธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา เพื่อเป็นพันธมิตรในด้านการเงินให้กับกลุ่มบริษัทร่วม หรือคอนซอเตี้ยม ที่จะซื้อหุ้นคืนจากฝ่ายบริหารของบริษัทเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งส์ หรือที่เรียกการซื้อกิจการในรูปแบบ Management Buyout
สำหรับทั้งสองธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกาดังกล่าวนั้น จะทำหน้าที่ในการปรับโครงสร้างหนี้บริษัท เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งส์ ซึ่งมีมูลค่า 2.7 ล้านล้านเยน หรือ 17,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 605,200 ล้านบาท
ขณะที่ ซีพี ออลล์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกลุ่มซีพีและเป็นเจ้าของผู้ให้บริการร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่มีจำนวนมากกว่า 12,000 สาขาในประเทศไทยนั้น กำลังชั่งน้ำหนัก แผนการลงทุนในการซื้อหุ้นเป็นมูลค่า 500,000 ล้านเยน หรือราว 110,000 ล้านบาท ด้านราคาหุ้นของซีพีออลล์นั้น ปรากฏว่า ปิดตลาดในวันนี้ 6 กุมภาพันธ์ 2025 มีราคาร่วงลงถึง -5% ปิดที่หุ้นละ 47.50 บาท ร่วงลงหุ้นละ 2.50 บาท
สำหรับมูลค่าของบริษัท เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งส์ เพื่อพิจารณาถึงราคาหุ้นบริษัทดังกล่าวที่ปิดตลาดในวันนี้พบว่ามีมูลค่าบริษัทที่ 6.2 ล้านล้านเยน หรือกว่า 1.364 ล้านล้านบาท ในขณะที่ครอบครัวอีโตะพร้อมกับบรรดาพันธมิตรต่างๆที่ได้เสนอทาบทามเอาไว้ ได้กำหนดราคาในการซื้อหุ้นคืนจากฝ่ายบริหารของบริษัทดังกล่าวที่ 9 ล้านล้านเยน หรือกว่า 1.98 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคาเสนอซื้อกิจการของยักษ์ใหญ่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อจากประเทศแคนาดาที่มีชื่อว่าอาลีเมนเทชั่น คุช-ทาร์ด ที่เสนอไป 7.5 ล้านล้านเยน หรือ 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.65 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ข้อเสนอซื้อหุ้นคืนจากฝ่ายบริหารของบริษัทเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งส์ หรือที่เรียกการซื้อกิจการในรูปแบบ Management Buyout นั้น จะประกอบไปด้วย มูลค่าฝั่งสินทรัพย์หรือหุ้นคิดเป็น 4 ล้านล้านเยน หรือกว่า 880,000 ล้านบาท ซึ่งในมูลค่าดังกล่าวจะเป็นของครอบครัวอิโตะ มูลค่า 500,000 ล้านเยน หรือกว่า 110,000 ล้านบาท และเป็นของกลุ่มบริษัทอิโตชู มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านเยน หรือกว่า 220,000 ล้านบาท และในส่วนที่เหลืออาจจะมาจากฝั่งของ 2 ธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มกราคมผ่านมา สำนักข่าวเอ็นเอชเค (NHK) ซึ่งเป็นสำนักข่าวทางการของประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า ครอบครัวของผู้ก่อตั้งบริษัทเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ให้บริการร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีแลฟเว่น (7-11) ที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด เปิดเผยว่า ได้ติดต่อและเสนอกลุ่มซีพี หรือเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประเทศไทย ให้ร่วมลงทุนในการซื้อกิจการบริษัทเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งส์ โดยร่วมกับฝ่ายบริหารของบริษัทเดียวกัน
กลุ่มซีพี หรือเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประเทศไทย เป็นรายล่าสุดที่ได้รับการติดต่อจากครอบครัวผู้ก่อตั้งบริษัทเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งส์ มาร่วมลงทุนด้วยมูลค่าของการซื้อกิจการกับฝ่ายบริหารของบริษัทดังกล่าวที่มีการประเมินมูลค่าสูงถึง 58,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.97 ล้านล้านบาท หากดีลดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จะทำสถิติการซื้อกิจการในรูปแบบดังกล่าวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น