กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF จัดอันดับขนาดเศรษฐกิจ 15 ประเทศแรกในทวีปเอเชียปี 2025 พบว่า เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะมีมูลค่า 545,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 18.53 ล้านล้านบาท ซึ่งอยู่ในอันดับ 10 ของเอเชีย และอันดับ 2 ในอาเซียน ขณะที่เศรษฐกิจเวียดนามคาดว่าจะมีมูลค่า 508,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 17.27 ล้านล้านบาท ซึ่งอยู่ในอันดับ 12 ของเอเชีย และอันดับ 4 ในอาเซียน ดังนั้น ขนาดเศรษฐกิจประเทศไทยจึงมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจเวียดนามเหลืออยู่เพียง 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.26 ล้านล้านบาท
ก่อนหน้านี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เปิดเผยว่า ภายในปี 2027 หรือในอีกไม่เกิน 2 ปีจากนี้ไป เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวพุ่งขึ้นมามีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกันมาก หรืออาจเท่ากับขนาดประเทศไทยด้วยมูลค่ามากกว่า 690,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 24.2 ล้านล้านบาท โดยในปี 2027 ประเทศไทยจะมีมูลค่า 692,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 24.24 ล้านล้านบาท ขณะที่เวียดนามจะมีมูลค่า ช 690,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 24.15 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอีก 2 ปีจากนี้ไป ทำให้คาดการณ์ว่ามีขนาดเศรษฐกิจเพิ่มสูงเป็น 571,120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 19.99 ล้านล้านบาท ส่งผลให้ภายในไม่เกินปี 2568 เศรษฐกิจเวียดนามขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศอาเซียน โดยขึ้นมาเป็นรองเพียงอินโดนีเซียที่ 1.63 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 57 ล้านล้านบาท และไทยที่ 632,450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 22.14 ล้านล้านบาท ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ
สาเหตุจากเวียดนามกลายเป็นประเทศที่ต่างประเทศให้ความน่าสนใจด้านการลงทุนทั้งทางตรง และในตลาดทุนมากที่สุด และอยู่ในอันดับต้นๆของกลุ่มอาเซียน ด้านธนาคารดีบีเอส สิงคโปร์ เคยประเมินว่า เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวสูงถึงปีละ 6-6.5% ในช่วง 8 ปีจากนี้ไป ซึ่งเป็นจากเม็ดเงินลงทุนทางตรงจากนานาชาติ และความสามารถในการเพิ่มทั้งผลผลิต และประสิทธิภาพในการผลิตของประเทศเวียดนาม
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ กระทรวงพาณิชย์ ประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่าการส่งออกทั้งปี 2024 ผ่านไป สามารถทำได้ถึง 403,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13.7 ล้านล้านบาท พุ่งทะยานสูงถึง 13.8% ไม่เพียงส่งผลทำสถิติมูลค่าส่งออกมากเป็นประวัติศาสตร์ แต่ยังทำสถิติเป็นครั้งแรกที่มูลค่าส่งออกแตะหลัก 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่สำคัญ เวียดนามส่งออกแซงและชนะคู่แข่งส่งออกสำคัญทั้ง 2 ประเทศสำเร็จ ได้แก่ ประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย สาเหตุจากเวียดนามได้ประโยชน์มากที่สุดจากธุรกิจเอกชนต่างชาติที่ย้ายโรงงานในเครือข่ายห่วงโซ่การผลิตออกจากประเทศจีนมาลงทุนตั้งโรงงาน หรือขยายกำลังการผลิตในโรงงานเดิมที่อยู่ในเวียดนาม เมื่อเปรียบเทียบกับไทยและมาเลเซีย นอกจากนี้ เศรษฐกิจประเทศสหรัฐอเมริกาที่ยืดหยุ่นสูงและชะลอตัวอย่างเบาบาง ทำให้เวียดนามส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกามากขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับ 2 ประเทศคู่แข่งส่งงออกสำคัญนั้น ส่งออกเวียดนามแซงทั้งในแง่มูลค่าส่งออก และในแง่เปอร์เซ็นต์การเติบด้วย สำหรับประเทศไทยส่งออกปี 2024 ทำได้ 305,529 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 10.39 ล้านล้านบาท ขยายตัวที่ 5.4% ถึงแม้จะเป็นมูลค่าส่งออกมากเป็นประวัติศาสตร์ของไทย แต่มีมูลค่าน้อยกว่าเวียดนามถึง 97,471 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.31 ล้านล้านบาท โดยมูลค่าการส่งออกของเวียดนามในปีผ่านไปทำได้ถึง 403,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13.7 ล้านล้านบาท ขยายตัวสูงมากถึง 13.8% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2023 ซึ่งนั่นหมายถึงการส่งออกของเวียดนามพุ่งสูงกว่าไทยถึง 2.5 เท่า
เมื่อเปรียบเทียบกับมาเลเซียนั้น ส่งออกเวียดนามแซงทั้งในแง่มูลค่าส่งออก และในแง่เปอร์เซ็นต์การเติบโตด้วยเช่นกัน มาเลเซียส่งออกปี 2024 ทำได้ 340,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 11.56 ล้านล้านบาท ขยายตัวที่ 5.6% ถึงแม้จะเป็นมูลค่าส่งออกมากเป็นประวัติศาสตร์ของมาเลเซีย และยังมีมูลค่าส่งออกชนะประเทศไทยด้วย แต่มีมูลค่าน้อยกว่าเวียดนามถึง 63,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.14 ล้านล้านบาท ซึ่งนั่นหมายถึงการส่งออกของเวียดนามพุ่งสูงกว่ามาเลเซียถึง 2.4 เท่า รวมถึงส่งออกในปี 2024 ของประเทศอินโดนีเซียที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 ในอาเซียนนั้น มีการเติบโตที่เบาบางเพียง 2.3%
เมื่อดูจากปัจจัยตลาดส่งออกของเวียดนาม ปรากฏว่าในปีผ่านไป เวียดนามส่งออกไปสหรัฐได้มากถึง 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.08 ล้านล้านบาท กลายเป็นประเทศเดียวและอันดับ 1 ในอาเซียนที่ส่งออกไปสหรัฐอเมริกามากที่สุด ซึ่งพุ่งทะยานสูงถึง 23.4% เมื่อเทียบกับปี 2023 ตามด้วยมาเลเซียส่งออกโตถึง 23.2% อันดับ 3 อินโดนีเซียขยายตัวถึง 19.2% และอันดับ 4 ไทยขยายตัว 13.7% ตามลำดับ
ทั้งนี้ 15 อันดับขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในทวีปเอเชียในปี 2025 (หน่วย: ดอลลาร์สหรัฐ) มีดังนี้ 1.จีน 19.5 ล้านล้าน 2.ญี่ปุ่น 4.39 ล้านล้าน 3.อินเดีย 4.27 ล้านล้าน 4.เกาหลีใต้ 1.95 ล้านล้าน 5.อินโดนีเซีย 1.49 ล้านล้าน 6.ซาอุดิอาระเบีย 1.14 ล้านล้าน 7.ไต้หวัน 8.14 แสนล้าน 8.ยูเออี 569 แสนล้าน 9.สิงคโปร์ 562 แสนล้าน 10.ไทย 545 แสนล้าน 11.ฟิลิปปินส์ 508 แสนล้าน 12.เวียดนาม 506 แสนล้าน 13.มาเลเซีย 488 แสนล้าน 14.บังคลาเทศ 482 แสนล้าน และ 15.อิหร่าน 464 แสนล้าน
