ดัชนี SET ตลาด หุ้นไทย เปิดที่ 1,207.27 จุด เพิ่มขึ้น 3.55 จุด หรือ +0.29% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 768.00 ล้านบาท
ดดย บลป. เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ โดยที่ยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามาส่งผลต่อภาพรวมขออตลาดหุ้น แม้เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐออกมาตามที่ตลาดคาดไว้ แต่จากปัจจัยของการที่ประธานาธิบดีสหรัฐและผู้นำยูเครนได้มีการเจรจากัน แต่ไม่ได้ข้อสรุปและมีข้อโต้แย้งต่าง ๆ ทำให้ปัจจัยกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงกดดันต่อไป
ขณะที่ในประเทศก็ไม่มีปัจจัยใหม่เช่นเดียวกัน และยังต้องติดตามปัจจัยการเมือง ซึ่งมองว่าค่อนข้างมีผลต่อตลาดหุ้นไทย และในสัปดาห์นี้อาจจะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นหลายตัว ทำให้กดดันต่อดัชนีได้ ส่วนตลาดหฺ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาเช้านี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน โดยให้แนวต้าน 1,210 จุด แนวรับ 1,190 จุด
ด้านบล.กรุงศรี มองแนวต้าน 1,213-1,220 จุด แนวรับ 1,192-1,187 จุด โดยจับตาปัจจัย US Bond Yield 10 ปี ลงต่อ -6 bps สู่ 4.2% เงินเฟ้อ PCE พื้นฐาน +2.6%y-y ต่ำสุดใน 4ปี (ตามคาด) รายได้บุคคลขยายตัว ดีกว่าคาด บ่งชี้วงจรดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับลง+เศรษฐกิจเดินหน้าได้ ลดความกังวลตลาดต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ บวกกับเงินไหลเข้าพันธบัตร จากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ยูเครน -สหรัฐฯ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงแร่ธาตุ
รวมทั้ง PMI ทั้งภาคผลิตและบริการ จีน ก.พ. 25 ดีกว่าคาด ก่อนติดตามการประชุม Two-session และเริ่มมีความชัดเจนการให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี LTF สำหรับเงินที่ย้ายไปกองใหม่ ThaiESG X ประเมินช่วยชะลอแรงขายนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนระยะกลาง-ยาวมีโอกาสกลับมาทยอยซื้อในจุดที่ SET ปัจจุบันอยู่ในโซนลงทุน ERP (Equity Risk Premium) > AVG + 1S.D. เร่งขึ้น ตลอดจน การต่อยอดอุตสาหกรรม New S Curve เรื่องใหม่การเร่งลงทุน Tiktok 3.0 แสนล้านบาทใน 5 ปี
