ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่าเมื่อวันที่ 3 มีนาคม2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 43,191 จุด -649 จุด หรือ -1.48% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,849 จุด -104 จุด หรือ -1.76% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 18,350 จุด -497 จุด หรือ -2.64% ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทรุดหนักใน 1 วันมากที่สุดในรอบ 2 เดือน หรือตั้งแต่ธันวาคม 2024 ผ่านมา
ในสัปดาห์ผ่านไปดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -0.4%, -2.5% และ -5.0% ตามลำดับ สิ้นสุดกุมภาพันธ์ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -2.9%, -3.0% และ -5.5% ตามลำดับ ขณะที่สิ้นสุดมกราคม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +4.7%, +2.7% และ +1.6% ตามลำดับ
สาเหตุจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา ว่ามาตรการเก็บภาษีสูงขึ้นอีก 25% กับสินค้านำเข้าจากประเทศแคนาดา และเม็กซิโก และมาตรการเก็บภาษีขึ้นอีก 10% กับน้ำมันดิบจากประเทศแคนาดา มีผลตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของเช้าวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2025 ตามวันและเวลาในสหรัฐอเมริกา หรือตรงกับเวลา 24.01 น. ของเช้าวันพุธที่ 5 มีนาคม 2025 ตามเวลาไทย ทั้ง 2 ประเทศจะต้องมี จะต้องโดน อัตราภาษีสูงขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ทั้ง 2 ประเทศนี้ต้องทำ คือ เอาตรงๆ มาสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ มาสร้างการผลิตอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด จะไม่มีการเก็บภาษีเพิ่มแต่อย่างใด
ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวต่อไปว่าหมดเวลาการเจรจาต่อรองที่จะทำให้มีการยกเลิกมาตรการเก็บขึ้นภาษีจากทั้งแคนาดาและเม็กซิโก ด้วยการลดการนำเข้ายามรณะเฟนทานิลเข้ามาในแผ่นดินสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ภาษีต่างตอบแทน จะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนนี้ กับประเทศใดก็ตามที่มีการเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าของสหรัฐอเมริกา พร้อมกับการขึ้นภาษีนำเข้าอีก 10% จากที่เคยประกาศไปว่าขึ้น 10% รวมเป็น 20% กับสินค้าจากจีน โดยการประกาศขึ้นภาษีอัตราแรก 10% มีขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ผ่านมา สาเหตุจากจีนยังคงส่งออกยามรณะเฟนทานิลเข้ามาในสหรัฐ จีนไม่นำพาใช้มาตรการที่เพียงพอในการบรรเทาวิกฤตยาเฟนทานิล