ดีเอชแอล(DHL) ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจบริการขนส่งพัสดุภัณฑ์ และโลจิสติกส์ชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่าเตรียมปลดพนักงานจำนวนมากถึง 8,000 คน หรือคิดเป็นกว่า 1% ของพนักงานที่อยู่ในประเทศเยอรมนีภายในปี 2025 นี้ สาเหตุจากนโยบายการตัดลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงานในประเทศเยอรมนี ถือเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการปรับโครงสร้าง และควบคุมต้นทุนในการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ดีเอชแอล คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้ดีเอชแอลสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายภายในปี 2027 ได้มากกว่า 1,000 ล้านยูโร หรือ 1,080 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 36,720 ล้านบาท ในด้านผลประกอบการของดีเอชแอล พบว่าผลการดำเนินงานด้านกำไรจากการปฎิบัติงานตกต่ำลงถึง -7%
ขณะที่สหภาพแรงงานมีชื่อว่าเวอร์ดี้ ได้ตำหนิแผนการปลดพนักงานดีเอชแอลในประเทศเยอรมนี และปฏิเสธว่าสาเหตุในการปลดพนักงานจำนวนมากในครั้งนี้เป็นผลมาจาก เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมามีการเจรจาข้อตกลงค่าจ้างที่ลงตัวกับบริษัทดีเอชแอล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นายโทเบียส เมเยอร์ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ข้อตกลงค่าจ้างดังกล่าวนั้น ทำให้กลายเป็นต้นทุนของดีเอชแอลในปี 2015 นี้ สูงถึง 360 ล้านยูโร หรือกว่า 13,104 ล้านบาท และเป็นสาเหตุในการตัดสินใจนำไปสู่ในการปลดพนักงานดีเอชแอลในเยอรมนี
พาราช เจน หัวหน้าสายงานวิเคราะห์โลจิสติกส์ และการขนส่งโลก ธนาคารเอชเอสบีซี เปิดเผยว่าดีเอสแอลจะต้องเผชิญกับกำไรที่ชะลอตัวลงในปี 2025 นี้ เนื่องจากความต้องการในการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ชะลอตัวลง รวมถึงภาวะเครือข่ายซัพพลายเชนตึงตัวที่มีสัญญาณผ่อนคลายลง ในขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทดีเอชแอลเมื่อปีผ่านมา มีราคาตกต่ำ และกลายเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ย่ำแย่มากกว่าบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันโดยทั่วไป สำหรับราคาหุ้นของดีเอสแอลตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้มีราคาร่วงลงเกือบ 11%
ทั้งนี้หลังจากที่บริษัทดีเอชแอลได้ประกาศแผนการตัดลดค่าใช้จ่ายโดยการปลดพนักงานถึง 8000 คนดังกล่าวนั้นส่งผลให้นักลงทุนมั่นใจในทิศทางและอนาคตของดีเอชแอลจึงส่งผลให้ราคาหุ้นของดีเอชแอลพุ่งสูงขึ้นถึง 10% ทำสถิติสถิติราคาหุ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีผ่านมา