หุ้นสหรัฐหวนปิดบวก ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 220 จุด รับข่าวตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐอ่อนแอลง ว่างงานตีกลับขึ้น สะท้อนสภาพเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว มีหวังลุ้นลดดอกเบี้ยไม่น้อยกว่าคาดการณ์เดิม

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 42,801 จุด +222 จุด หรือ +0.52% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,770 จุด +31 จุด หรือ +0.56% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 18,196 จุด +126 จุด หรือ +0.71%

ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -2.4%, -3.1% และ -3.5% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดรายสัปดาห์ทำสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่กันยายน 2024 เป็นต้นมา สิ้นสุดกุมภาพันธ์ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -2.9%, -3.0% และ -5.5% ตามลำดับ ขณะที่สิ้นสุดมกราคม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +4.7%, +2.7% และ +1.6% ตามลำดับ

สาเหตุจาก ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในสหรัฐอเมริกาประจำเดือนกุมภาพันธ์พบว่าเพิ่มขึ้นที่ 151,000 คนซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าควรจะเพิ่มขึ้น 170,000 คน ขณะที่อัตราการว่างงานในเดือนเดียวกันของสหรัฐอเมริกาเริ่มเพิ่มสูงขึ้นมาแตะที่ระดับ 4.1% ทำให้นักลงทุนให้น้ำหนักกับเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ชะลอตัวลง สะท้อนจากภาคการจ้างงานไม่เป็นไปตามทิศทางบวกที่คาดไว้ อาจส่งผลไปถึงแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นธนาคารกลางสหรัฐ ที่อาจจะยังคงจำนวนความถี่ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ความไม่ชัดเจนและไม่แน่นอนของการบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษี 25% ของประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กับแคนาดาและเม็กซิโก หลังจากได้ลงนามคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐชะลอการเก็บภาษี 25% กับสินค้าทุกชนิดของทั้งแคนาดาและเม็กซิโกที่ใช้สิทธิเขตการค้าเสรี USMCA ออกไปอีก 1 เดือน โดยจะมีผลวันที่ 2 เมษยน 2025 ซึ่งก่อนหน้านั้นชะลอการเก็บเฉพาะสินค้ารถยนต์จากทั้ง 2 ประเทศเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีสหรัฐย้ำชัดเจนว่า การเก็บภาษีต่างตอบแทนกับทั่วโลกรวมถึงแคนาดาและเม็กซิโกจะมีขึ้นในวันที่ 2 เมษายนนี้เป็นต้นไป

เมื่อวันอังคารผ่านไปนั้น การตอบโต้สงครามการค้าจากทั้ง 3 ประเทศเกิดขึ้น ได้แก่ แคนาดาประกาศขึ้นภาษี 25% กับสหรัฐมีผลทันที และรัฐสำคัญในแคนาดาประกาศยกเลิกการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ จีนประกาศขึ้นภาษี 10-15% กับสหรัฐมีผล 10 มีนาคม และสั่งจำกัดภาคเอกชนจีนทำการส่งออกกับบริษัทสัญชาติอเมริกันกว่า 15 แห่ง รวมถึงยกเลิกการนำเข้าสินค้าเกษตรมีผลทันที เช่น ถั่วเหลือง ส่วนเม็กซิโก ประธานาธิบดีเม็กซิโกจะประกาศขึ้นภาษีกับสหรัฐในวันอาทิตย์นี้

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านไป นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า มาตรการเก็บภาษีสูงขึ้นอีก 25% กับสินค้านำเข้าจากประเทศแคนาดา และเม็กซิโก และมาตรการเก็บภาษีขึ้นอีก 10% กับน้ำมันดิบจากประเทศแคนาดา มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2025 ตามวันและเวลาในสหรัฐอเมริกา ทั้ง 2 ประเทศจะต้องโดนเก็บอัตราภาษีสูงขึ้น ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวต่อไปว่า หมดเวลาการเจรจาต่อรองที่จะทำให้มีการยกเลิกมาตรการเก็บขึ้นภาษีจากทั้งแคนาดาและเม็กซิโก ด้วยการลดการนำเข้ายามรณะเฟนทานิลเข้ามาในแผ่นดินสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ภาษีต่างตอบแทน จะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนนี้ กับประเทศใดก็ตามที่มีการเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าของสหรัฐอเมริกา พร้อมกับการขึ้นภาษีนำเข้าอีก 10% จากที่เคยประกาศไปว่าขึ้น 10% รวมเป็น 20% กับสินค้าจากจีน โดยการประกาศขึ้นภาษีอัตราแรก 10% มีขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ผ่านมา สาเหตุจากจีนยังคงส่งออกยามรณะเฟนทานิลเข้ามาในสหรัฐ จีนไม่นำพาใช้มาตรการที่เพียงพอในการบรรเทาวิกฤตยาเฟนทานิล

ผลสำรวจเกี่ยวกับมุมมองภาวะเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกา พบว่าตัวเลขดังกล่าวในช่วง 5 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.5% ทำสถิติมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 30 ปีหรือนับตั้งแต่เมษายนปี 1995 เป็นต้นมา และในช่วง 1 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.3% ทำสถิติมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 1 ปี 3 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2023 เป็นต้นมา

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25 ถึง 4.5% เท่าเดิม ส่งผลเป็นการตึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบปี 2025 นี้ และเป็นครั้งแรกใน 4 เดือนผ่านมา หรือนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 หลังจากได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลงถึงสามครั้งต่อเนื่องรวมลดลง 1.0% ในปี 2024 ผ่านมา ด้านตัวชี้วัดโอกาสการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในมีนาคมอยู่ที่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 41%

ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles