ทองคำโลกปิดลงเหลือกว่า 2,906 ดอลลาร์ แต่เป็นราคาทองคำรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นเกือบ 2% จ้างงานในสหรัฐน้อยเกินคาด เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าหนัก

ตลาดซื้อขาย ทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่า วันที่ 7 มีนาคม 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,906.04 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.1%

ตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาทองคำ (Gold Spot) ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ถึง 11 ครั้ง ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มกราคมผ่านมา เป็นวันแรกที่ราคาทองคำปิดแตะหลัก 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยครั้งสุดท้ายที่ราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อยู่ที่ระดับ 2,956.15 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ เมื่อ 3 เดือนผ่านมา ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Spot ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2024 ที่ระดับ 2,790.15 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติราคาส่งมอบทันที (Spot) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นรวมทั้งหมด 7 ครั้งในเดือนตุลาคม 2024

สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 2,914.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.4% ย้อนกลับไปเมื่อเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ผ่านมา เป็นครั้งสุดท้ายที่ราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อยู่ที่ระดับ 2,963.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ในขณะที่เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่แตะหลัก 2,900 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นอกจากนี้ ราคาปิดทองคำล่วงหน้าสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้น 7 ครั้งในปีนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2025 ราคาทองคำปิดที่ 2,845.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ยังเป็นการทำสถิติราคาปิดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของปี 2025 และครั้งเดียวในเดือนมกราคมด้วย

เมื่อกว่า 3 เดือนผ่านมา ราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 2,800.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2024 และเดือนตุลาคม 2024 ทำสถิติราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นรวมทั้งหมด 6 ครั้ง

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำสุทธิปิดขึ้น +1.7% ก่อนหน้านี้ สถิติราคาทองคำโลกรายสัปดาห์ปิดขึ้น 8 สัปดาห์ที่ติดต่อกัน นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาทองคำพุ่งทะยานกว่า 11% เมื่อเดือนมกราคม 2025 ราคาทองคำปิดสูงขึ้นถึง 7% ทำสถิติราคาทองคำรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 10 เดือนผ่านมา หรือตั้งแต่มีนาคม 2024

ในขณะที่ สถิติทองคำในปีที่ 1 ในยุคนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐครั้งแรกในปี 2017 พบว่าให้ผลตอบแทนถึง 11.5% ในปีดังกล่าว ในปี 2024 ราคาทองคำโลกทะยาน +26% ทำสถิติเป็นปีที่ดีที่สุดของทองคำโลกในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา

สาเหตุจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกุมภาพันธ์ในสหรัฐเพิ่มขึ้นที่ 151,000 คนซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าควรจะเพิ่มขึ้น 170,000 คน ขณะที่อัตราการว่างงานในเดือนเดียวกันของสหรัฐอเมริกาเริ่มเพิ่มสูงขึ้นมาแตะที่ระดับ 4.1% ทำให้นักลงทุนให้น้ำหนักกับเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ชะลอตัวลง สะท้อนจากภาคการจ้างงานไม่เป็นไปตามทิศทางบวกที่คาดไว้ อาจส่งผลไปถึงแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นธนาคารกลางสหรัฐ ที่อาจจะยังคงจำนวนความถี่ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

สอดรับกับการจ้างงานภาคเอกชนในเดือนกุมภาพันธ์ของสหรัฐอเมริกาพบว่าเพิ่มขึ้นเพียง 77,000 ตำแหน่งจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะต้องเพิ่มสูงขึ้นถึง 140,000 ตำแหน่ง สะท้อนถึงภาวะการจ้างงานอ่อนแอลง เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงต่อเนื่อง ส่งผลในสัปดาห์ผ่านไป เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงมากสุดในรอบ 4 เดือน ทำสถิติร่วงมากสุดในรอบ 2 ปี 3 เดือน หรือตั้งแต่พฤศจิกายน 2022 ก่อนหน้านี้ เงินดอลลาร์สหรัฐหลังเมื่อสิ้นเดือนกุมภาพันธ์แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามประกาศอัตราภาษีต่างตอบแทนระหว่าง 10% ถึง 20% เพื่อใช้กับเพิ่มขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลกที่มีการเก็บภาษีสินค้าส่งออกของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐลงนามคำสั่งขึ้นภาษีสูงถึง 25% กับสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมจากทุกประเทศทั่วโลก มาตรการทั้ง 2 อย่างจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคในสหรัฐจะเพิ่มสูงขึ้น

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด กล่าวว่าเฟดไม่เร่งรีบที่จะลดดอกเบี้ยระยะสั้นท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐในภาพรวมแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงกว่า 2% ขณะที่ผลสำรวจของรอยเตอร์ เปิดเผยว่า 66% คาดหวังเฟดลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในสิ้นเดือนมิถุนายน มีราว 22% มองว่าจะลดดอกเบี้ยในมีนาคม และมี 17% มองว่าจะลดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง

ในเดือนมกราคมผ่านไป ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด มีมติตรึง ดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนผ่านมา หรือครั้งแรกในรอบการปรับลดลง 3 ครั้งติดต่อกันตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 และยังเป็นการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกของปี 2025 นี้ รวมถึงส่งสัญญาณชัดเจนว่าเฟดไม่เร่งรีบที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเร็วเกินไป ขณะที่นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยความไม่แน่นอนในนโยบายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมผ่านมา เฟดได้เปิดเผยการคาดการณ์แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2025 จะมีจำนวนครั้งลดลงเหลือเพียง 2 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงอย่างน้อย 3 ครั้ง ที่สำคัญ จำนวนครั้งที่คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ทำให้เป็นไปได้สูงว่าเฟดจะไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้รวมกันลงถึง 1.00% จากเดิมที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนกันยายนปีนี้ เนื่องจากมุมมองของกรรมการส่วนใหญ่ในคณะกรรมการนโยบายการเงินล้วนประเมินว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะกลับมาเพิ่มขึ้นในปีหน้า หากเป็นตามที่ประเมินไว้จริง จะมีผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐต้องเพิ่มขึ้นและทรงตัวนานขึ้น ขณะที่เฟดประเมินว่สในปี 2025 อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับ 3.75-4.00% และคาดว่าในปี 2026 จะอยู่ที่ระดับ 3.40% ด้วยการปรับลดลง 0.5% นอกจากนี้ มุมมองของแต่ละกรรมการของเฟด เปิดเผยว่า มี 10 จาก 19 รายที่ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะอยู่ที่ระดับ 3.90% ในสิ้นปี 2025 โดยมีกรรมการ 4 ราย ประเมินว่าต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย และมี 5 รายคาดว่าต้องลดดอกเบี้ย

ธนาคารกลางจีนกลับมาซื้อทองคำเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน หลังจากหยุดซื้อติดต่อกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมผ่านมา นอกจากนี้ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ หรือโปลิตบูโร และรัฐบาลจีน ได้ส่งสัญญาณจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเชิงรุกในปี 2025 เช่น การปรับลดดอกเบี้ยสำคัญ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี การแก้วิกฤตอสังหาริมทรัพย์เรื้อรัง เป็นต้น เพื่อตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจจีนเติบโตที่ระดับ 5% ในปี 2025 โปลิตบูโรจีนจะมีการประชุมประจำปีในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์นี้

ตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 27-28 มกราคม 2025 มีโอกาสที่ 96% จากเดิมที่ 50% ที่ดอกเบี้ยจะคงที่

สำหรับราคาทองคำในช่วงแต่ละยุคสมัยของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐใน 8 ปีผ่านมา พบว่าในช่วงเทอมที่ 1 ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 นายโดนัลด์ ทรัมป์ พบว่าราคาทองพุ่งสูงถึง 54% ในระหว่างปี 2016-2020 ต่อมาในช่วงประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 นายโจ ไบเดน พบว่าราคาทองพุ่งสูงถึง 50% ในระหว่างปี 2020-2024

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles