สมาคมผู้ค้าปลีกไทยไม่ทนต่อไป สินค้าต่างชาติใช้ช่องโหว่กฎหมายไทยทุ่มตลาด บีบค้าปลีกไทยไม่มีที่ทำมาหากิน จ่อกระทบเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยถาวร

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ไม่ทนต่อไป สินค้าต่างชาติใช้ช่องโหว่กฎหมายไทยทุ่มตลาด บีบค้าปลีกไทยไม่มีที่ทำมาหากิน จ่อกระทบเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยถาวร

นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะรายย่อยและธุรกิจท้องถิ่น ได้รับผลกระทบหนักจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากสินค้าจากต่างชาติเข้าตีตลาดในไทยอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญ อาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายไทย ทำให้มีสินค้านำเข้าตากต่างชาติในราคาต่ำมาก ซึ่งไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้ธุรกิจค้าขายของคนไทยแข่งขันลำบาก

ประเด็นการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายไทย ทำให้เป็นการเปิดทางให้มีการตั้งนอมินีขึ้นมาดำเนินธุรกิจสีเทา นอกจากนี้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศใช้การทำตลาดแบบถึงมือผู้บริโภคสุดท้าย หรือ B2C ซึ่งกฎหมายไทยยังควบคุมได้ไม่ทั่วถึง ทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียส่วนแบ่งตลาด และหลายธุรกิจต้องปิดตัวลง

ผู้บริโภคคนไทยกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน เนื่องจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศหลายรายการกลับไม่มีมาตรฐานคุณภาพ และความปลอดภัย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องสำอาง และสินค้าไม่ได้มาตรฐานคุณภาพ หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีฉลากภาษาไทย สถานการณ์ดังกล่าวไม่เพียงสร้างความเสียหายให้ธุรกิจไทย แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้บริโภค สถานการณ์นี้หากดำเนินต่อไป ไม่เพียงธุรกิจค้าปลีกคนไทยจะถูกบีบให้ลดขนาด หรือปิดตัวลง แต่จะกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยด้วย

ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ขอเสนอแนวทางเร่งแก้ปัญหา สร้างสมดุลการค้า-เศรษฐกิจ 3 ข้อ ได้แก่

1. การคุมเข้มคุณภาพสินค้านำเข้า ปกป้องผู้บริโภคไทย เนื่องจากสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศจำนวนมากอาจมีคุณภาพต่ำ ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยตรง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอางตกมาตรฐาน โดยเฉพาะไม่มีฉลากภาษาไทย ดังนั้น รัฐบาลควรปรับปรุงกฏระเบียบให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้านำเข้าตั้งแต่ต้นทาง เช่น กรมศุลกากรเปลี่ยนจากระบบสุ่มตรวจเป็นการตรวจสอบ 100% เพิ่มการใช้เทคโนโลยีมาเสริมประสิทธิภาพในการตรวจสอบให้แม่นยำ ที่สำคัญ ปิดช่องโหว่ทางกฎหมายเกี่ยวกับการทุ่มตลาด เช่น การควบคุมราคาขั้นต่ำสำหรับสินค้านำเข้า ที่ต้องแสดงต้นทุนที่แท้จริง เพื่อป้องกันการขายตัดราคา นอกจากนี้  เร่งเครื่องบทบาทภาครัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ควรเข้มงวดกฏหมายการแข่งขันทางการค้าในกรณีตั้งราคาสินค้าต่ำกว่าทุน และปรับปรุงกฏให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

2. การปรับโครงสร้างภาษีให้เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในการแข่งขัน เช่น การจัดเก็บภาษีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างเท่าเทียม เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการและผลประโยชน์ของผู้บริโภคและประเทศชาติในระยะยาว

3. การแก้ปัญหานอมินี ปิดช่องโหว่ธุรกิจต่างชาติ รัฐบาลควรมีมาตรการตรวจสอบการจัดตั้งบริษัทที่อาจสวมสิทธิ์โดยชาวต่างชาติ เพื่อป้องกันการเลี่ยงกฎหมายธุรกิจต่างด้าว ซึ่งกำหนดให้ชาวต่างชาติต้องมีหุ้นส่วนคนไทยไม่น้อยกว่า 51% โดยธุรกิจที่เสี่ยงต่อการใช้ช่องโหว่นี้ เช่น ร้านอาหาร, ซูเปอร์มาร์เก็ต ทั้งนี้เพื่อให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าประเทศไทย นอกจากนี้ การกำหนดมาตรฐานการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ เช่น มีการจ้างแรงงานไทยในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อลดอัตราการว่างงานของคนไทย กำหนดพื้นที่หรือโซนสำหรับธุรกิจของชาวต่างชาติ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles