นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า มาตรการหลายอย่างที่ประกาศเป็นองค์ประกอบที่หวังว่าจะช่วยหนุน Sentiment ได้ แต่ต้องมาดูที่พื้นฐานเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าอยากสนับสนุนการลงทุนให้ GDP ถึง 3.5% ถ้าทำได้ก็จะเป็นเรื่องดี ในองค์ประกอบทั้งหมดของตลาดทุนไทย
โดยมาตรการสร้างความเชื่อมั่นของตลาด ทั้งโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อการบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ที่จะช่วยให้บริษัทจดทะเบียนซื้อหุ้นคืนได้คล่องตัวขึ้น การจัดตั้งกองทุน Thai Esg 2 และช่วงครึ่งปีหลังมีโครงการ Jump+ ซึ่งค่อนข้างมีความชัดเจนแล้ว หวังประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนพ.ค. นี้ สำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอยู่ระหว่างการหารือกับคลัง ซึ่งอาจต้องมีการพูดคุยถึงรายละเอียดเพิ่มอีก
สำหรับกองทุน Thaiesg 2 ที่จะรองรับเม็ดเงินจากกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ลุ้นว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ แนะติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้ถึงรายละเอียดของกองทุนดังกล่าว
ขณะที่โครงการ TISA ปัจจุบันยังเป็นเพียงแนวคิดอยู่ ซึ่งต้องพิจารณาและออกแบบเพื่อใหเหมาะสมกับกับตลาดทุนไทย โดยความตั้งใจของโครงการดังกล่าวเพื่อสนับสนุนด้านการออม ซึ่งตัวอย่างจากญี่ปุ่นที่มีเงินออมคงค้างและไม่ได้ทำงานอยู่จำนวนมาก แนวคิดของ โครงการ Nippon Individual Savings Account (NISA) เป็นการดึงเอาเงินออมมาทำงานมากขึ้น อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดสิ่งสำคัญคือพื้นฐานของตลาดทุนต้องดี เพื่อดึงดูดให้คนลงทุนจริง
