บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด คาด SET ปรับลงต่อ ท่ามกลางปัจจัยกดดันที่มีน้ำหนักมากกว่า โดยเฉพาะความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงถดถอยมากขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจจีนที่อาจเผชิญภาวะเงินฝืด นอกเหนือไปจากประเด็นสงครามการค้า แม้จะมีปัจจัยหนุนจากมาตรการสร้างความเชื่อมั่นตลาด แต่ไม่น่าจะหักล้างปัจจัยลบได้มากนัก ประเมินแนวรับที่ 1,173 – 1,160 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,185 – 1,190 จุด
โดยช่วงสั้นมอง SET มีสัญญาณฟื้นตัวบ้าง โดยคาดว่าจะมีแรงหนุนจากปัจจัยภายนอก เช่น สหรัฐฯ อาจเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าบางรายการจากเม็กซิโกและแคนาดา ขณะที่ยังมีความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนหลังการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน นอกจากนี้เงินเฟ้อจีนและสหรัฐฯ คาดยังไม่เปลี่ยนแนวโน้มซึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวและราคาพลังงานที่ลดลง และน่าจะทำให้เฟดยังไม่เปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายการเงิน ส่วนปัจจัยในประเทศยังติดตามเสถียรภาพทางการเมือง การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐ การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนใน เม.ย. และเงื่อนไขของการโอนย้ายเม็ดเงินกองทุน LTF เป็น ThaiESGX ซึ่งจะทำให้ตลาดมีแรงขายลดลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ทั้งนี้ มอง SET มีสัญญาณฟื้นตัวได้บ้าง หนุนจากความคาดหวังจากปัจจัยภายนอกและรัฐบาลไทยมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1.หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน เลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายกองทุน โดย 1) กำไรปี 2568 คาดเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีความสามารถการจ่ายดอกเบี้ยสูง (Int. Cov. Ratio > 1) 3) Valuation ไม่แพง PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) ศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาด Div. Yield อย่างน้อย 2% และ 5) SETESG Rating ระดับ A-AAA แนะนำ CPALL BDMS MTC MINT BTG
2.หุ้นปันผลคุณภาพดี โดย 1) สถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปี และ SETESG Rating ระดับ A-AAA 2) คาดจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว ยังให้ Div. Yield เกิน 4% และ Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว และ 3) ผลประกอบการปี 2568 ยังแข็งแกร่งและยังมี Upside เกิน 15% แนะนำ AP KTB BBL SPALI KBANK
3.หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนกำไร 1Q68 ที่คาดจะเติบโต YoY และ QoQ และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC
4.Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำเก็งกำไรสำหรับหุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากงาน Opp. Day ซึ่งคาดจะมีโทนประชุมเป็นบวกในสัปดาห์นี้และเราดูแลอยู่อย่าง AU TIDLOR BTG PTG
ปัจจัยที่น่าติดตามได้แก่
•นักวิเคราะห์เตือนสหรัฐฯ มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ หรือ “Trumpcession” (Trump + Recession) โดยได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของการใช้มาตรการตั้งกำแพงภาษี
•บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเห็นชอบโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหมื่นบาทเฟส 3 สำหรับกลุ่มอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน คาดจะเริ่มแจกได้ในช่วงปลาย 2Q68 หรือต้น 3Q68 และมีการปรับเงื่อนไขบางส่วน เช่น ให้ร้านค้าเบิกเงินสดได้โดยกำหนด Negative List ของร้านค้าไว้
•ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ. อยู่ที่ 52.0 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สะท้อนมุมมองเชิงบวกของประชาชน หลังรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ราคาสินค้าเกษตรเพิ่ม ส่งออกโต และปราบแก๊งคอลเซนเตอร์
•คมนาคมประเมินสงกรานต์จะมีการเดินทางเข้าออก กทม. ด้วยรถยนต์ 16.32 ล้านคัน และร่วมมือสายการบินเพื่อลดราคาตั๋วลง 30% จากราคาเพดานและเพิ่ม 25,000 ที่นั่ง เพื่อรองรับความต้องการเดินทาง
•ตลท. เผยโครงการ Jump+ คาดจะเผยรายละเอียดใน พ.ค. และจะประกาศใช้ใน 2H68 ส่วนมาตรการย้ายเม็ดเงิน LTF สู่ ThaiESG ใหม่ และซื้อหุ้นคืนอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด ขณะที่โครงการบัญชีออมหุ้น (TISA) ยังเป็นเพียงแค่ Concept และอยู่ระหว่างการออกแบบ
•กกร. เตรียมเข้าพบนายกฯ ในวันที่ 13 มี.ค. เพื่อวางแผนรับมือนโยบาย Trump 2.0 เสนอตั้งทีมพิเศษเพื่อร่วมกำหนดยุทธศาสตร์การเจรจกับสหรัฐฯ, พิจารณนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เฉพาะที่ไทยขาดแคลน และควบคุมการนำเข้าสินค้าอย่างเข้างวด โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ
•ติดตามการประกาศแนวทางค่าไฟฟ้าสำหรับงวด พ.ค. – ส.ค. 2568 โดย กกพ. ในวันนี้ จากในงวดปัจจุบันที่อยู่ที่ 4.15 บาท/หน่วย
หุ้นน่าสนใจได้แก่ GULF: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการปรับตัวลงของ Bond Yield 1H68 คาดกำไรจะยังแข็งแกร่งจากการขยายกำลังการผลิต ส่วนการควบรวมกิจการกับ INTUCH จะยังคงเป็นไปตามกำหนดภายใน 2Q68 ซึ่งจะหนุนให้งบดุลของบริษัทปรับตัวดีขึ้นและช่วยสนับสนุนการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่กำลังจะมาถึง และ BCH: มองเป็นหุ้น Defensive ปีนี้คาดกำไรปกติจะเติบโตดีสุดในกลุ่มการแพทย์ที่ 15% ปหนุนจาก 1) การขยาย/ปรับปรุง รพ. 2) อัพเกรด รพ. การุญเวช ปทุมธานี เป็นเกษมราษฎร์ ปทุมธานี 3) การเพิ่มบริการใหม่ และ 4) การดำเนินงานที่เติบโตมากขึ้นที่ รพ. ใหม่ 3 แห่ง Valuation ไม่แพง PER 2568F ระดับ 22.5 เท่า คิดเป็น -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต