สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ.68 พบว่าปรับตัวมาอยู่ที่ 93.4 เพิ่มขึ้นจาก 91.6 ในเดือน ม.ค.68 เนื่องมาจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาที่ 2.00% ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน และเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ รวมถึงช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ประกอบกับ ทางการขยายเวลามาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” ไปถึงวันที่ 30 เม.ย.68 ส่งผลให้ปัจจุบันมียอดเข้าร่วมมาตรการ 746,912 บัญชี (ณ วันที่ 10 ก.พ.68) รวมถึงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ Easy E-Receipt 2.0 และ โครงการเงิน 10,000 บาทเฟส 2 ช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ส่งผลดีต่อยอดขายสินค้า, การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง
ตลอดจนภาคการท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม วันที่ 1 ม.ค.-26 ก.พ.68 มากกว่า 6 ล้านคน ขยายตัว 10.29% การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว และมาตรการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย รวมถึงการค้าชายแดนที่ขยายตัวได้ดี โดยเดือน ม.ค.68 มีมูลค่าการค้าชายแดนรวมกว่า 1.45 แสนล้านบาท ขยายตัว 2.7%
อย่างไรก็ตามเดือนก.พ.ที่ผ่านมามีปัจจัยลบจากการส่งออกรถยนต์มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ราคาถูกจากจีนเข้ามาแข่งขันมากขึ้น รวมทั้งรถที่ส่งออกบางรุ่นกำลังจะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ ซึ่งในเดือนม.ค.68 มียอดการส่งออกลดลงต่ำสุดในรอบ 33 เดือน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ยังรวมไปถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงกระทบห่วงโซ่อุปทานและต้นทุนการผลิต เช่น น้ำมันปาล์ม ยางพารา เป็นต้น อีกทั้งยังมีความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อทำให้ราคาน้ำมันโลกผันผวน กระทบต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ รวมถึงมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้สินค้าจากจีนทะลักเข้าสู่ไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กดดันให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น
สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 97.6 เพิ่มขึ้นจาก 96.2 ในเดือนม.ค.68 ปัจจัยสนับสนุนคาดว่ามาจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทเฟส 3 จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2 รวมทั้งจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านโครงการ Thailand Summer Festivals งานมหาสงกรานต์ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการ ยังเสนอภาครัฐให้เร่งกำหนดยุทธศาสตร์ และแผนเตรียมความพร้อมรับมือมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ รวมทั้งการเจรจาต่อรองการค้า ในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน โดยรับฟังความเห็นจากภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสนับสนุนรัฐบาลในการออกมาตรการช่วยค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ ผ่านกลไกของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อส่งเสริมการผลิตยานยนต์ และรักษาการจ้างงานในประทศ อีกทั้งขอให้ภาครัฐส่งเสริมและพัฒนาระบบการยกขนถ่ายตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ ในโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออกสินค้าไทย