นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่สังคมตั้งคำถามถึงโครงการโอนเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 สำหรับกลุ่มอายุ 16-20 ปี ที่ไม่สามารถนำไปจ่ายค่าเทอมได้ แต่กลับสามารถซื้อเหล้า-บุหรี่ได้ ว่า ความตั้งใจของรัฐบาลในเรื่องนี้ ไม่ได้ต้องการเจาะจงให้นำเงินไปซื้อเหล้า-บุหรี่ได้โดยตรง เช่น ซื้อเหล้า จากร้านที่ขายเหล้าโดยตรง ซึ่งหากมีการกำหนดประเภทสินค้าต้องห้าม (Negative List) ก็อาจจะไม่สะดวกสำหรับประชาชนในการใช้จ่าย ดังนั้นรัฐบาลจึงได้กำหนดเป็นประเภทร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ โดยบางร้านค้า ขายสินค้าอุปโภคบริโภค 90% แต่อาจจะมีมุมเล็ก ๆ ที่ขายเหล้า-บุหรี่ด้วย ดังนั้นถ้าหากห้าม ไม่ให้เข้าร้านประเภทนี้เลยก็อาจจะเหนื่อย จึงมากำหนดเป็นขนาดร้านค้าแทน ร้านที่ขายสินค้าเหล่านี้โดยเฉพาะไม่สามารถร่วมโครงการได้
ขณะที่กรณีที่ไม่สามารถนำเงินดิจิทัลไปจ่ายค่าเทอมได้โดยตรงนั้น นายพิชัย ระบุว่าการให้เงินดิจิทัลในเฟสนี้ ก็เหมือนกับรัฐบาลให้เงินผู้ปกครองไปจ่ายค่าเทอมได้ในทางอ้อม เพราะหากผู้ปกครองบริหารการใช้เงินดิจิทัลได้โดยนำไปใช้จ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภค ก็จะเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ และสุดท้ายก็จะทำให้มีเงินไปจ่ายค่าเทอมได้มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นเงินก้อนเดียวกัน
สำหรับเงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 มีข้อกำหนดประเภทร้านค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เช่น ร้านทอง ร้านอัญมณี สถานีบริการน้ำมัน-ก๊าซ ร้านเสริมสวย ร้านขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ผับ บาร์ ร้านขายสุรา ร้านขายยาสูบ เป็นต้น ส่วนค่าเทอม ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ถือเป็นค่าบริการ ไม่สามารถใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตได้