ธนาคารแมคควอรีย์ Macquarie ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารชื่อดังของประเทศออสเตรเลีย โดยนายมาร์คัส การ์เวย์ นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ สำนักวิจัยในเครือของธนาคารดังกล่าว เปิดเผยว่าราคาทองคำโลกอาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นแตะที่ระดับ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 นี้ ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของทองคำโลกในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ จะอยู่ที่ 3,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สำหรับปัจจัยบวกที่จะส่งผลให้ราคาทองคำมีแนวโน้มจะขึ้นไปแตะระดับ 3500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ซึ่งจะเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่นั้นมาจากภาวะการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับราคาทองคำส่งมอบทันที หรือโกลด์ สปอต (Gold Spit) ในปัจจุบันวันนี้ 13 มีนาคม 2025 นั่นหมายถึงราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งทะยานขึ้นอีก 560 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จึงจะไปแตะที่ราคาคาดการณ์ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือทะยานเพิ่มสูงขึ้นจากวันนี้อีก 19% ในขณะที่ราคาทองคำตลาดโลก นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้เพิ่มสูงขึ้นถึง 12%
ภาวะการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอเมริกา จะส่งผลให้แนวโน้มภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตท่ามกลางปัจจัยอื่นๆ ได้แก่นโยบายและมาตรการเก็บขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของรัฐบาลสหรัฐ จึงส่งผลให้นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐที่จะเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น มุมมองเกี่ยวกับราคาทองคำดังกล่าวที่มีการประเมินในวันนี้มีส่วนสำคัญมาจากความต้องการของนักลงทุนประเภทสถาบัน และนักลงทุนทั่วไป ที่ต้องการลงทุนทองคำเพื่อปิดความเสี่ยงดังกล่าว
มุมมองของแนวโน้มราคาทองคำจากธนาคารธนาคารแมคควอรีย์ ออสเตรเลียในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นสถาบันการเงินที่มองราคาทองคำตลาดโลกสูงที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับมุมมองจากสถาบันการเงินชื่อดังระดับโลกแห่งอื่นๆ ก่อนหน้านี้ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งเป็นธนาคารชื่อดังจากประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าแนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกปีนี้จะพุ่งทะยานขึ้นไปแตะที่ระดับ 3,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ภายในสิ้นปี 2025 นี้ สอดรับกับธนาคารซิตี้กรุ๊ปซึ่งมีมุมมองราคาทองคำตลาดโลกจะขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายใน 3 เดือน
