ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าในการประชุม FOMC วันที่ 18-19 มี.ค. นี้ คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% เนื่องจากมีปัจจัยด้านเงินเฟ้อยังอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟด แม้ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปเดือนก.พ. อยู่ที่ 2.8% ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าที่ตลาดคาด แต่ยังสูงกว่าเป้าหมายที่ 2.0% ขณะที่ทิศทางแนวโน้มในระยะข้างหน้ามีความเสี่ยงมากขึ้นจากนโยบายการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
และตลาดแรงงานยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มเดิมอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราการว่างงานเดือนก.พ. 2568 เร่งสูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าขึ้นมาอยู่ที่ 4.1% แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต รวมทั้งเฟดคงรอดูแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะความเสี่ยงจากมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และมาตรการตอบโต้จากประเทศอื่นๆ สอดคล้องไปกับถ้อยแถลงของประธานเฟดที่กล่าวว่า เฟดไม่เร่งรีบที่จะลดอัตราดอกเบี้ยแม้ความไม่แน่นอนสูงขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้ โดยจังหวะการปรับลดคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่ออกมา ประกอบกับอาจมีการส่งสัญญาณชะลอการทำ Quantitative Tightening (QT) ลงสอดคล้องกับตลาดส่วนใหญ่ที่ปรับมุมมองต่อการปรับลดดอกเบี้ยของ
โดยคาดว่าเฟดมากขึ้นมาอยู่ที่ 3 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ ในการประชุมรอบนี้จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และ Dot Plot ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดรอติดตาม
ทิศทางนโยบายการเงินในระยะข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูงจากมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และมาตรการตอบโต้จากประเทศอื่นๆ ที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้แนวโน้มเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าเผชิญความเสี่ยงที่จะปรับสูงขึ้น ซึ่งแรงกดดันเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ประกอบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 70% ของ GDP สหรัฐฯ ขณะที่การส่งออกของสหรัฐฯ มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากมาตรการตอบโต้จากประเทศอื่นๆ และทิศทางการค้าโลกที่ชะลอลง ซึ่งคงส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคการผลิตและการจ้างงานในสหรัฐฯ ในท้ายที่สุด ส่งผลให้เฟดต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในการพิจารณานโยบายการเงินในระยะข้างหน้า