บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด คาด SET แกว่งตัว โดยมีปัจจัยหนุนจาก sentiment บวกตามตลาดภูมิภาคที่ทางการจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้น ศก. ครั้งใหญ่ แต่ก็มีปัจจัยกดดันจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง อีกทั้งตลาดจับตาการประชุมธนาคารกลางสำคัญหลายแห่งสัปดาห์นี้ ประเมินแนวรับที่ 1,165 – 1,160 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,185 – 1,190 จุด
ช่วงสั้นมอง SET จะฟื้นตัวได้บ้าง หลังดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรง 16%YTD แย่สุดในตลาดหุ้นทั่วโลกแล้ว เนื่องจากถูกกดดันทั้งจากกังวลสงครามการค้าและขาดปัจจัยหนุนในประเทศ อย่างไรก็ดีมองว่าแรงขายในภาพรวมน่าจะชะลอตัวลง เนื่องจากมีความชัดเจนของมาตรการลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESGX ซึ่งคาดจะจำกัดแรงขายของ LTF และมีความหวังจากเม็ดเงินลงทุนใหม่ที่จะเข้ามาในเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2568 ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินสัปดาห์หน้าของ FED, BoE, BoJ คาดไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยยังมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยนโยบาย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•วุฒิสภาสหรัฐฯ อนุมัติร่างกฎหมายงบฯ ชั่วคราวเพื่อจัดสรรงบได้ถึง ก.ย. ภายในไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่งบฯ ปัจจุบันจะหมดลง ทำให้รอดพันภาวะ Shutdown ได้ และจะถูกส่งให้ ปธน. ทรัมป์ ลงนามต่อไป
•รองประธาน ECB เผยนโยบาย ปธน. ทรัมป์ สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจสูงกว่า หากเทียบกับช่วงที่โลกเผชิญการระบาดของโควิด-19 หลังเห็นการบริโภคที่ไม่สามารถฟื้นตัวขี้นตามการปรับขึ้นของค่าจ้างที่แท้จริง และการลดลงของเงินเฟ้อและอัตราดดอกเบี้ย
•อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เปิดวิสัยทัศน์ในเวที The World’s Next Opportunities and Beyond เผยไทยมีศักยภาพขึ้นเป็นศูนย์กลาง (ดิจิทัลฮับ) เร่งทำ Sandbox-Stable Coin ผูกกับพันธบัตรรัฐบาล คาดชัดเจน 2-3 เดือนนี้ ทำบล็อกเชนของประเทศ เริ่มภายในปีนี้ ลดค่าไฟเหลือ 2.02-2.35 บาท หวังดึงต่างชาติลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย ย้ำธุรกิจการแพทย์ อาหาร ท่องเที่ยว จะช่วยขับเคลื่อนไทยไปข้างหน้า
•ผู้ว่าธปท. ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยที่ 2% และไม่มีแผนจะปรับลดดอกเบี้ยบ่อยๆ มองมีความเหมาะสมต่อเศรษฐกิจ และเห็นว่าควรมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในระยะยาว ไม่ใช่เพียงแต่การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
•รมช. คมนาคมเผยหากโครงการบ้านเพื่อคนไทยระยะที่ 1 ได้รับการเห็นชอบในวันที่ 18 มี.ค. จะเข้าสู่การออกแบบและจัดทำ EIA คาดใช้เวลา 5 เดือน และจะเริ่มประมูลและเริ่มเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปี 2568
•ททท. เผยช่วงเทศกาลสงกรานต์คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 476,000 คน เพิ่มขึ้น 3% สร้างรายได้ 7,324 ลบ. เพิ่มขึ้น 6.5% ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทยคาดมีนักท่องเที่ยว 4,418,500 คน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 7% สร้างรายได้ 19,240 ลบ. เพิ่มขึ้น 9%
ช่วงสั้นมอง SET จะมีสัญญาณฟื้นตัวได้บ้าง จากแรงขายที่น่าจะชะลอหลังมีความชัดเจนของมาตรการลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESGX กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1.หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX คัดเลือกจาก 1) ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ YoY 2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และ 3) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้น SET50 ที่น่าสนใจ ได้แก่ ADVANC BBL BDMS CPALL PTT ส่วนหุ้น SET100 ที่น่าสนใจ ได้แก่ AP BCH BTG
2.หุ้นปันผลคุณภาพดี มีคุณสมบัติ 1) สถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปีขึ้นไป และมี SETESG Ratings ตั้งแต่ระดับ A-AAA 2) คาดจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว ยังให้ Div. Yield สูงเกิน 4% และ Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว และ 3) ปี 2568 ผลประกอบการยังแข็งแกร่ง และราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside เกิน 15% แนะนำ AP KTB BBL SPALI KBANK
3.หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน คัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุน มีคุณสมบัติ 1) ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ YoY 2) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง (Interest Coverage ratio > 1) 3) Valuation ไม่แพง ปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) ศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 2% และ 5) มี SETESG Ratings ระดับ A-AAA แนะนำ CPALL BDMS MTC MINT BTG
โดยหุ้นที่น่าสนใจ KTB: มองเป็นหนึ่งในเป้าหมายลงทุนของกองทุน ThaiESGX เนื่องจากมี SETESG Rating ระดับ AAA และเป็นหุ้นปันผลคุณภาพดี มีสถิติจ่ายปันผลสม่ำเสมอต่อเนื่องกว่า 23 ปี โดยมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 1.545 บาท (XD 17 เม.ย.) คิดเป็น Div. Yield สูงถึง 6.5% และคาดปี 2568 ผลประกอบการยังแข็งแกร่ง โดยกำไรยังเติบโตได้ 3.2%YoY และ PTTGC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นและได้ Sentiment บวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ขณะที่ 1Q68 คาดกำไรจากการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้น แรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน (ไม่มีหยุดซ่อมบำรุง) และธุรกิจโอเลฟินส์ (มีวัตถุดิบอีเทนมากขึ้น)