ธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา หรือ BOA ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้ปรับขึ้นราคาทองคำเฉลี่ยในปีนี้และปีหน้าครั้งใหม่โดยมองว่าราคาเฉลี่ยทองคำตลาดโลกปี 2025 จะขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3,063 จากเดิมที่ 2,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือปรับขึ้นอีก 313 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +11.38% สอดคล้องกับในปี 2026 ราคาเฉลี่ยทองคำตลาดโลกปรับขึ้นเป็น 3,350 จากเดิมที่ 2,625 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือปรับขึ้นอีก 725 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +27.62%
ในกรณีที่ความต้องการในการลงทุนตลาดทองคำโลกมีอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 10% จะส่งผลต่อราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot อาจเพิ่มขึ้นไปแตะที่ระดับ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายใน 2 ปีข้างหน้า
สาเหตุมาจากปัจจัยความไม่แน่นอนในนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ความขัดแย้งในปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดี นายโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ ความต้องการของธนาคารกลางในการซื้อทองคำเข้าสะสมเพิ่มขึ้นในทุนสำรองระหว่างประเทศของแต่ละแห่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น ไปแตะที่ระดับ 30% ของทุนสำรองระหว่างประเทศจากในปัจจุบันจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 10% ของทุนสำรองระหว่างประเทศของแต่ละธนาคารกลางทั่วโลก
ทั้งนี้ ธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่จะส่งผลให้เกิดการทำกำไร และชะลอการลงทุนทองคำได้แก่ การแก้ปัญหาลดภาวะขาดดุลงบประมาณการคลังของรัฐบาลสหรัฐ ความตึงเครียดด้านปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ลดน้อยลง ความสัมพันธ์ในทางที่ดีระหว่างการเมืองในรัฐสภาสหรัฐ รวมถึงมาตรการภาษีต่างตอบแทนที่อาจกําหนดเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะประกาศในวันที่ 2 เมษายนนี้
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2024 นายไมเคิล วิดเมอร์ หัวหน้าสายงานวิจัย ธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา หรือ BOA ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ราคาทองคำตลาดโลกยังคงอยู่ในเส้นทางที่จะเพิ่มขึ้นไปแตะที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายในปี 2025 ที่สำคัญราคาทองคำในปี 2025 จะมีราคาเฉลี่ยทั้งปีที่ 2,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนจะต้องมีความอดทน เนื่องจาก ในขณะนี้ภาวะราคาทองคำกำลังอยู่ในรอบของการปรับฐานราคาในบางช่วงบางเวลา ซึ่งภาวะนี้จะกินระยะเวลาไปถึงประมาณกลางปี 2025
ธนาคาร BOA เปิดเผยต่อไปว่า ทองคำโลกจะเผชิญกับปัจจัยที่ไม่แน่นอน ในปีใหม่ สาเหตุมาจาก ความต้องการบริโภคทองคำของจีนจะอยู่ในภาวะเฉื่อย สอดรับกับนักลงทุนในทางฝั่งตะวันตก จะสลับน้ำหนักไปที่ผลตอบแทนของตลาดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ สาเหตุมาจาก นโยบายการบริหารประเทศของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่สี่ 47 นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นไปอย่างผสมผสาน เพื่อเป้าหมายในการทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเติบโตขึ้น ภาวะเงินเฟ้อสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ภาวะดังกล่าวทั้งหมดอาจส่งผลให้นักลงทุนทองคำจำกัดการลงทุนในตลาดทองคำโลก โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ถึงแม้ว่าปัจจัยเหล่านี้จะเป็นความท้าทายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นักวิเคราะห์ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะโลหะมีค่า ยังคงมีมุมมองในทิศทางบวกกับราคาทองคำและโลหะเงิน ที่จะได้รับแรงสนับสนุนในปี 2025 ซึ่งจะมาจากสองปัจจัยหลักคือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และความวุ่นวายในปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ของโลก รวมถึงนโยบายและมาตรการของรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ภายในปี 2025 ซึ่งมีแนวโน้มชัดเจนที่จะมีการก่อหนี้เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะมุมมองเกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐที่จะเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ภาวะหนี้สาธารณะของประเทศสหรัฐอเมริกาจักรยานเพิ่มขึ้นและสร้างสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์ภายใน 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป
และปัจจัยที่น่าติดตาม คือการถือครองพันธบัตรรัฐบาลของบรรดาธนาคารกลางสำคัญทั่วโลก ซึ่งมีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลให้บรรดาธนาคารกลางสำคัญทั่วโลกยังคงมีความต้องการในการซื้อทองคำเข้าสะสมในทุนสำรองระหว่างประเทศเพื่อบริหารความเสี่ยงของมูลค่าทุนสำรองระหว่างประเทศ ทั้งหมดกลายเป็นปัจจัยด้านบวกที่ทำให้เกิดความต้องการลงทุนในทองคำและโลหะเงิน
