ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชื่อดังยักษ์ใหญ่ระดับโลกแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าได้คาดการณ์ราคา น้ำมันดิบ ในเดือนธันวาคมปี 2025 สำหรับราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เหลือ 58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เหลือ 62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่วนในเดือนธันวาคมปี 2026 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เหลือ 51 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เหลือ 55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
การคาดการณ์ดังกล่าวอยู่ภายใต้สมมุติฐาน 2 อย่าง อย่างแรก คือเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย เนื่องจากมีการปรับลดลงของอัตราภาษีนำเข้าสินค้าเป็นจำนวนมาก อย่างสุดท้าย คือ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มขึ้นปานกลาง ระหว่าง 130,000 ถึง 140,000 บาร์เรลต่อวัน ในช่วงสองเดือนติดต่อกันหรือมิถุนายนและกรกฎาคมนี้
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ต่อไปว่าภายใต้สมมุติฐานของกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสที่เพิ่มขึ้นปานกลาง และเศรษฐกิจโลกเกิดชะลอตัวลงจะส่งผลให้ในธันวาคม 2025 ราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เหลือ 54 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในปี 2025 และในเดือนธันวาคมปี 2026 จะเหลือที่ 45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในกรณีที่สุดจริงๆ คือทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเต็มรูปแบบ จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เหลือต่ำกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในปี 2026
เมื่อวันที่ 7 เมษายนผ่านมา ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่าได้ปรับลดราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบปี 2026 ทั้ง 2 ตลาดสำคัญลง 4 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เหลือ 55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เหลือ 58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล การปรับลดราคาเฉลี่ยในปี 2026 ในครั้งนี้ เป็นการปรับลดลงครั้งที่ 2 ต่อจากเมื่อวันที่ 4 เมษายนผ่านมา
นอกจากนี้ ยังได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2025 นี้ จะลดต่ำลงจากเดิมเป็นครั้งที่ 2 จากที่คาดว่ามีสูง 600,000 บาร์เรลต่อวัน ลงมาเหลือวันละ 300,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ในปี 2026 ความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 700,000 บาร์เรล
สาเหตุจากแนวโน้มเศรษฐกิจจะมีอัตราการขยายตัว หรือจีดีพีที่ชะลอลง ส่งผลให้ความต้องการบริโภคน้ำมันดิบลดต่ำลง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีผลมากกว่าประโยชน์ที่จะได้จากค่าเงินดอลล่าร์ดอลลาร์สหรัฐที่จะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง รวมถึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีราคาถูกลง
เมื่อวันที่ 4 เมษายนผ่านมา ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบปี 2025 ไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เหลือ 66 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือลดลง -4.3% และราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เหลือ 69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือลดลง -5.5% สำหรับในปี 2026 นั้น ได้ปรับลดราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เหลือ 59 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือลดลง -6.3% และราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เหลือ 62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือลดลง -9.0%
สาเหตุจากสงครามการค้าโลกที่จะทำให้เกิดเศรถดถอย และความเสี่ยงของกลุ่มโอเปกพลัสที่เพิ่มกำลังการผลิต นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2025 นี้ จะลดต่ำลงจากเดิมที่คาดว่ามีสูงถึง 900,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลงอีกวันละ 300,000 บาร์เรลต่อวัน มาเหลือเพียง 600,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ในปี 2026 ความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกจะขยับเพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 700,000 บาร์เรล