ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่าวันที่ 8 เมษายน 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,984.16 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +20.97 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.1% ยังคงส่งผลเป็นราคาทองคำปิดหลุดระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดกัน และหลุดระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 25 วัน ผ่านมา
นอกจากนี้ หยุดราคาปิดร่วงลง 3 วันติดกันรวม -166.27 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -6.15% ขณะที่ราคาต่ำสุดระหว่างวันลงแตะระดับ 2,955.89 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ ขณะที่เมื่อคืนผ่านมา 3 เมษายน มีราคาสูงสุดระหว่างเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ระดับ 3,167.57 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันที่ 27 มีนาคม 2025 ทองคำราคาส่งมอบทันที(Spot)ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เกิดขึ้น 20 ครั้ง และมีราคาทะยานขึ้นกว่า 16% นอกจากนี้ สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 พบว่าราคาทองคำพุ่งดีที่สุดในรอบ 39 ปี หรือตั้งแต่ปี 1986 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคมผ่านมา เป็นวันแรกที่ราคาทองคำปิดแตะหลัก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยครั้งสุดท้ายที่ราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อยู่ที่ระดับ 3,129.46 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 เมษายนผ่านมา
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 2,990.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +16.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.5% ส่งผลเป็นราคาทองคำปิดหลุดระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เป็นวันที่ 2 ต่อเนื่อง และหลุดระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 25 วันผ่านมา นอกจากนี้ ส่งผลหยุดราคาปิดร่วงลง 3 วันติดกันรวม -278.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -6.2% ราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ และเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 16 ในปี 2025 นี้ นอกจากนี้ ครั้งสุดท้ายที่ทองคำมีราคาปิดนิวไฮเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 เมษายน ปิดที่ระดับ 3,166.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่เมื่อวันที่ 14 มีนาคม เป็นครั้งแรกที่มีราคาปิดแตะหลัก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และปิดที่ระดับ 3,001.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
สาเหตุจากนักลงทุนหวนกลับเข้าซื้อทองคำครั้งใหม่หลังจากสถานการณ์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปิดร่วงลงแต่ไม่ถึงกับรุนแรงมากเหมือนในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านไป ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รวม 2 วันติดกันถึงกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 172.5 ล้านล้านบาท และยังเป็นตลาดหุ้นสหรัฐที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่วิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นในรอบ 1 สัปดาห์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกอ่อนค่าลงเป็นครั้งแรกใน 2 วันติดกันผ่านมา ปัจจัยลบรุนแรงอีกอย่าง คือ ทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา แถลงรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเก็บภาษีต่างตอบแทนขึ้นอีก 50% รวมอัตราภาษีนำเข้าทั้งหมดเป็น 104% กับจีน ให้มีผลวันที่ 9 เมษายนเป็นต้นไป หลังจากหากจีนไม่ถอนการตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสูง 34% กับสหรัฐภายในวันที่ 8 เมษายนตามที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศไว้