กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เปิดเผยว่าได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2025 นี้ ลงจากเดิมที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนมกราคมผ่านมาว่าจะขยายตัว 2.9% มาเหลือเติบโตที่ 1.8% หรือลดลงมากถึง -1.1% ที่สำคัญ ยังเป็นการปรับลดลงครั้งที่ 2 ต่อเนื่องจากการคาดการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2024 ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 3.0% นอกจากนี้ การปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจไทยส่งผลให้เป็นประเทศเดียว ในอาเซียน และในภูมิภาคกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ที่มีตัวเลขจีดีพีลดต่ำกว่า 2%
ที่สำคัญ ไอเอ็มเอฟยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำสุดในบรรดา 5 ประเทศอาเซียนชั้นนำด้วย ได้แก่ อันดับ 1.ฟิลิปปินส์ 5.5% อันดับ 2.เวียดนาม 5.2% อันดับ 3.อินโดนีเซีย 4.7% อันดับ 4.มาเลเซีย 4.1% และอันดับ 5.ไทย 1.8% ไม่เพียงเท่านั้น เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำสุดในภูมิภาคกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ซึ่งมีทั้งหมด 7 ประเทศ ได้แก่ อันดับ 1.อินเดีย 6.2% อันดับ 2.ฟิลิปปินส์ 5.5% อันดับ 3.เวียดนาม 5.2% อันดับ 4.อินโดนีเซีย 4.7% อันดับ 5.มาเลเซีย 4.1% อันดับ 6.จีน 4.0% และอันดับ 7.ไทย 1.8%
สำหรับในปี 2026 นั้น เศรษฐกิจไทยมีทิศทางเดียวกันกับในปี 2025 ไอเอ็มเอฟยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำสุดในบรรดา 5 ประเทศอาเซียนชั้นนำด้วย ได้แก่ อันดับ 1.ฟิลิปปินส์ 5.8% อันดับ 2.อินโดนีเซีย 4.7% อันดับ 3.เวียดนาม 4.0% อันดับ 4.มาเลเซีย 3.8% และอันดับ 5.ไทย 1.6% ไม่เพียงเท่านั้น เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำสุดในภูมิภาคกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ซึ่งมีทั้งหมด 7 ประเทศ ได้แก่ อันดับ 1.อินเดีย 6.3% อันดับ 2.ฟิลิปปินส์ 5.8% อันดับ 3.อินโดนีเซีย 4.7% อันดับ 4.เวียดนาม 4.0% อันดับ 5.จีน 4.0% อันดับ 6.มาเลเซีย 3.8% และอันดับ 7.ไทย 1.6%
สำหรับกลุ่มประเทศ ASEAN-5 ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ในประมาณการอ้างอิงของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า เศรษฐกิจ 5 ชาติอาเซียนจะเติบโต 4.0% ในปี 2568 ลดลงจากคาดการณ์เดิมเดือนม.ค. ซึ่งให้ไว้ที่ 4.6% และสำหรับในปี 2569 จะเติบโตได้ 3.9% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.5%
รายงานระบุว่า หลังจากที่ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดในปี 2567 เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียคาดว่าจะ “ลดลงต่อเนื่อง” เหลือ 4.5% ในปีนี้ และ 4.6% ในปีหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่คาดว่าได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐในเดือนเม.ย. เนื่องจากมีการเชื่อมโยงทางการค้ากับประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างจีนและสหรัฐ