นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีอาคารก่อสร้าง สตง. ซึ่งดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ถล่มหลังจากเหตุแผ่นดินไหว ในเมียนมา เมื่อ 28 มีนาคม 2568 และภายหลังมีการตรวจสอบพบว่า บริษัท บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 มี 3 คนไทยเป็น นอมินี ถือหุ้นแทน
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงได้ปรับแผนตรวจสอบนอมินี ปี 2568 ให้ครอบคลุมมากขึ้นทั้งพื้นที่ตรวจสอบ และเจาะจงธุรกิจมากขึ้น โดยเน้น 6 กลุ่มธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ 1. ธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก 2. ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ 3.ธุรกิจ e-Commerce ขนส่ง และคลังสินค้า 4. ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท 5. ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร และ 6.ธุรกิจก่อสร้างทั่วไป รวมทั่วประเทศ 46,918 ราย โดยจะมีการลงพื้นที่ร่วมกับคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่มีผู้แจ้งเบาะแสเข้ามายังกรมฯ และธุรกิจที่เป็นกระแสข่าวในปัจจุบันว่าพบกลุ่มคนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจโดยผิดกฎหมายอาศัยนอมินีคนไทยด้วย เช่น ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์แถวพระราม 9 และกรุงเทพกรีฑา ร้านอาหารย่านห้วยขวาง พระราม 9 และรัชดาภิเษก การตรวจสอบกรณีการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรในพื้นที่จังหวัดระยองและจันทบุรี ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตรวจพบธุรกิจนอมินีแล้วกว่า 100 ราย ในจำนวนนี้มี บ.ไชน่าเรลเวย์ นับเบอร์ 10 และบริษัทที่เกี่ยวข้องที่มีชื่อคนไทยทั้ง 3 คนถือหุ้นไขว้กันอยู่” นางอรมน กล่าว
ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสำนักงาน ปปง. ได้ร่วมกันพิจารณายกร่างกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้คนไทยที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจกับคนต่างด้าว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในธุรกิจที่อยู่ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือคนต่างด้าวที่ยอมให้คนไทยกระทำการแทนดังกล่าว ตามมาตรา 36 (ความผิดฐานนอมินี) และกรณีที่คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 37 เป็นความผิดมูลฐาน ตามร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งจะนำไปสู่การยึด อายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างด้าวให้ตกเป็นของแผ่นดิน เพื่อไม่ให้นำทรัพย์สินไปใช้ประโยชน์ หยุดยั้งการใช้บริษัทนอมินีและคนไทยเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน
โดยขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นในเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย (https://law.go.th) ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นได้จนถึงวันที่ 25 เมษายน 2568 และเมื่อสิ้นสุดการรับฟังความคิดเห็นแล้ว สำนักงาน ปปง. จะพิจารณาเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีให้พิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามลำดับถัดไป