นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ร่วมกับ 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร รวมผู้ประกอบการ 26 ราย เข้าร่วมโครงการลดราคาปุ๋ยเคมีเพื่อเกษตรกร ปี 2568 โดยให้ส่วนลดกระสอบละ 20–50 บาท ครอบคลุมปุ๋ยเคมี 79 สูตร รวมปริมาณกว่า 10.06 ล้านกระสอบ หรือประมาณ 503,000 ตัน ซึ่งได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2568 เป็นต้นมา ปรากฏว่าในช่วง 2 สัปดาห์ มียอดการสั่งซื้อปุ๋ยจากสถาบันเกษตรกรผ่านกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมส่งเสริมสหกรณ์แล้ว รวมกว่า 500,000 กระสอบ หรือ 25,000 ตัน
สำหรับปุ๋ยที่นำมาลดราคาในครั้งนี้ ครอบคลุมการเพาะปลูกพืชทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นนาข้าว พืชไร่ พืชสวน ไม้ผล และไม้ดอกไม้ประดับ โดยปุ๋ยที่เป็นสูตรสำคัญที่ใช้ในนาข้าว เช่น 46-0-0, 0-0-60, 16-20-0, 15-15-15, 20-8-20 และ 25-7-14 มีปริมาณรวมกว่า 5.49 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้นจากรอบที่ผ่านมาเกือบสองเท่า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรชาวนา ในช่วงฤดูเพาะปลูกที่กำลังจะมาถึงนี้
โดยเกษตรกรที่สนใจ สามารถสั่งซื้อปุ๋ยในโครงการผ่านสถาบันเกษตรกรที่ตนเป็นสมาชิก อาทิ กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. วิสาหกิจชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน โดยสถาบันเกษตรกรจะเป็นผู้รวบรวมยอดสั่งซื้อ และประสานกับกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อเชื่อมโยงปุ๋ยราคาประหยัดไปยังพื้นที่ และยังสามารถสั่งซื้อได้ที่โรงงานปุ๋ยโดยตรง ซึ่งสำหรับราคาจำหน่ายปุ๋ยในโครงการ จะเผยแพร่ราคาผ่านเว็บไซต์ www.dit.go.th รวมถึงพาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด และสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมใช้วิทยุชุมชนในแต่ละพื้นที่เพื่อแจ้งข้อมูลให้เกษตรกรได้รับทราบโดยตรงด้วย
นอกจากนี้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมติดตามสถานการณ์ปริมาณและราคาปุ๋ยอย่างใกล้ชิดตลอดทุกช่วงการค้า เพื่อให้ราคาจำหน่ายเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์การผลิตและการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และทบทวนโครงสร้างต้นทุนให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องเกษตรกร โดยกรมได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ติดตามการจำหน่ายปุ๋ยอย่างใกล้ชิด หากพบการฉวยโอกาส นอกจากจะมีโทษตามกฎหมาย จำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วยังจะถูกเพิกถอนหรือระงับการเป็นตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย ส่วนเกษ๖รกร หากไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือพบการกระทำผิดดังกล่าว สามารถแจ้งหรือร้องเรียนที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด