ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (Centre for Economics and Business Research) หรือ CEBR ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปรึกษา งานศึกษา และเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจ ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ ได้เปิดเผยรายงานชื่อว่า World Economic League Table พบว่า ภายในปี 2579 หรืออีก 11 ปีจากนี้ไป เวียดนามจะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน โดยจะเป็นรองแค่อินโดนีเซีย และจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 20 ของโลก
รัฐบาลประเทศเวียดนามประกาศใช้แผน 5 ปีสำหรับการคาดการณ์เศรษฐกิจ โดยแผนปัจจุบันจะครอบคลุมตั้งแต่ปี 2564-2568 เน้นย้ำถึงรูปแบบของ การพัฒนาเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังดำเนินต่อไป โดยการเติบโตจะมาจากภาคการผลิต ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการบูรณาการเพิ่มเติมไปสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ผ่านการแสวงหาความร่วมมือทางการค้าและการกระจายความเสี่ยงในการส่งออก
นอกจากนี้ ประเทศเวียดนามยังตั้งเป้าที่จะยกระดับสถานะให้เป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2588 หรือในอีก 20 ปีหน้าจากนี้ไป ดังนั้น รัฐบาลเวียดนามจะต้องผลักดันการเติบโตในอัตราต่อหัวเฉลี่ยต่อปีที่ประมาณ 5% ขณะที่แผน 5 ปีที่กำลังดำเนินการอยู่นั้น ประมาณการการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 6.5% ต่อปีในทศวรรษหน้า ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
อย่างไรก็ตาม เวียดนามได้เผชิญกับความท้าทายสำคัญต่างๆ ในการก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ทั้งจากการค้าโลกที่ถดถอยและประชากรสูงวัยเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เวียดนามจึงจำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินนโยบายอย่างมาก โดยเฉพาะในภาคส่วนที่จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากระบบอัตโนมัติ หรือการนำเทคโนโลยีมาใช้ทำงานแทนมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ข้อมูลกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ภายในปี 2568 นี้ ประเทศเวียดนามจะมีขนาดเศรษฐกิจขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 ในภูมิภาคอาเซียน คาดว่าจะมีขนาดเศรษฐกิจ หรือ GDP อยู่ที่ 571,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 19.13 ล้านล้านบาท ซึ่งตามหลังอินโดนีเซียและไทย แต่จะแซงประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์
ทั้งนี้ ภายในปี 2570 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 692,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 23.18 ล้านล้านบาท ในขณะที่เศรษฐกิจเวียดนามจะมีขนาดอยู่ที่ 690,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 23.12 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าหลังจากปี 2571 เป็นต้นไป เศรษฐกิจของประเทศเวียดนามจะแซงหน้าไทยอย่างเป็นทางการ โดยไทยจะหล่นไปอยู่ในอันดับที่ 3 ของภูมิภาคอาเซียน หากการประเมินของ CEBR เป็นไปตามที่คาดไว้ ภายในปี 2579 เศรษฐกิจของเวียดนามไม่เพียงจะแซงประเทศไทย แต่จะแซงประเทศโปแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยี่ยม และออสเตรเลีย ด้วย