ผู้ว่าการธนาคารกลางประเทศยูเครน เปิดเผยว่า สถานการณ์และปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ธนาคารกลางต้องพิจารณาว่าประเทศยูเครนควรจะทบทวนการอ้างอิงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงตลอดเวลาที่ผ่านมาไปเป็นค่าเงินเหรียญยูโร ได้แก่ การเข้าถึงกลุ่มสหภาพยุโรปหรือกลุ่มอียู โดยเฉพาะการเพิ่มความแข็งแกร่งด้าน บทบาทของกลุ่มสหภาพยุโรปเพื่อให้ความมั่นใจ ศักยภาพและความสามารถในด้านทางทหารเพื่อปกป้องประเทศยูเครน สภาวะความผันผวนสูงที่มีอยู่ในตลาดทุนโลก และความเป็นไปได้ที่การค้าทั่วโลกจะมีความเปราะบางและแยกออกจากกันไม่เหมือนในอดีต ดังนั้น การพิจารณาในนโยบายดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และจะต้องใช้การเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบ
นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศใช้นโยบายภาษีกับประเทศคู่ค้าทั่วโลกซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอน และความไม่ชัดเจนสูงมานับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนจนถึงปัจจุบัน ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญทั่วโลอ่อนค่าลงถึง 9% อย่างต่อเนื่อง สาเหตุนักลงทุนล้วนขาดความเชื่อมั่น และไม่มั่นใจในสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และเศรษฐกิจโลกภายใต้นโยบายทาสภาษีและการค้าของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ที่สำคัญ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของอธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงจุดยืนชัดเจนในการตัดลดงบประมาณช่วยเหลือทางการทหารให้กับประเทศยูเครน รวมถึงส่งสัญญาณในความพยายามที่จะเจรจาให้เกิดการยุตติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน
ค่าเงินฮริฟเนียของยูเครนได้มีการประการใช้เป็นสกุลเงินของประเทศยูเครนตั้งแต่ปี 1996 หรือเมื่อ 29 ปีผ่านมา และใช้ช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมาค่าเงินยูเครนจะถูกใช้อ้างอิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
เดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ซึ่งกองทัพรัสเซียเปิดปฏิบัติการสงครามเขารุกล้ำประเทศยูเครนนั้น ธนาคารกลางยูเครนประกาศมาตรการควบคุมเงินทุน และประกาศตรึงค่าเงินเงินฮริฟเนียไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐโดยคิดอัตราที่ 29 เงินฮริฟเนียต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ จากนั้นธนาคารกลางยูเครนจำเป็นต้องประกาศลดค่าเงินฮริฟเนีย ลงมาเนื่องจากภาวะการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลยูเครนพุ่งทะยานอย่างมาก
ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคมปี 2023 ธนาคารกลางยูเครนประกาศผ่อนคลายมาตรการตรึงค่าเงินฮริฟเนียกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเปลี่ยนไปเป็นการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว แต่ยังคงใช้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลอ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินฮริฟเนีย