ปธน.ปูติน เสนอเจรจาสันติภาพสงบศึกโดยตรงกับยูเครนวันที่ 15 พ.ค. ที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี หลังจากฝรั่งเศส-เยอรมนี-ยูเค-โปแลนด์และยูเครน (พร้อมอเมริกาหนุน) ยื่นคำขาดรัสเซียหยุดยิงมีผล 12 พ.ค. นี้

ปธน. ปูติน เสนอเจรจาสันติภาพสงบศึกโดยตรงกับ ยูเครน วันที่ 15 พ.ค. ที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี หลังจากฝรั่งเศส-เยอรมนี-ยูเค-โปแลนด์และยูเครน (พร้อมอเมริกาหนุน) ยื่นคำขาดรัสเซียหยุดยิงมีผล 12 พ.ค. นี้

นายวราดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยว่า ได้เสนอให้มีการเปิดเจรจาเพื่อสันติภาพโดยตรงกับประเทศยูเครนในวันที่ 15 พฤษภาคมที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งข้อเสนอในครั้งนี้มุ่งหวังให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืน และขจัดปัญหารากเหง้าที่เป็นสาเหตุของการเกิดสงครามของทั้งสองประเทศ การเจรจาเพื่อสันติภาพดังกล่าวที่ได้เสนอไปนั้นจะไม่เป็นการเจรจาเพื่อเป็นการหยุดพักชั่วคราวและนำไปสู่การใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างที่เคยเป็นมา

ท่าทีของผู้นำสูงสุดประเทศรัสเซียที่ได้เสนอการเจรจาโดยตรงกับประเทศยูเครนดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ผู้นำสูงสุดของประเทศยักษ์ใหญ่ที่อยู่ในยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศสเยอรมนี สหราชอาณาจักร โปแลนด์ และยูเครน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ยื่นข้อเสนอให้ประเทศรัสเซียทำการหยุดยิงเป็นระยะเวลานาน 30 วันโดยมีผลตั้งแต่ 12 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโดยเฉพาะนับตั้งแต่มีการเสนอให้หยุดยิงชั่วคราว ทั้งที่เสนอเองโดยรัฐบาลรัสเซียและรัฐบาลยูเครน แต่กลับปรากฏว่าต่างฝ่ายต่างกล่าวหาซึ่งกันและกันว่ามีการ โจมตีเกิดขึ้นทั้งๆ ที่มีข้อตกลงหยุดยิง นายปูตินเปิดเผยว่า ในช่วง หยุดหยิ่งที่ขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้นยูเครนยังคงโจมตีรัสเซีย ด้วยการใช้โดรนติดขีปนาวุธจำนวน 524 ชุด และโดรนทางทะเล 45 ชุด อาวุธหนักและขีปนาวุธจากประเทศพันธมิตรในยุโรป ซึ่งทำให้รัสเซียต้องใช้กำลังทางทหารและปฏิบัติการทางทหารตอบโต้กลับ

นับเป็นเวลามานานถึงสามปีสองเดือนหรือนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ปี 2022 ที่ประเทศรัสเซียเปิดปฏิบัติการโจมตีทางทหารด้วยการลุกล้ำเข้าไปในอนิไตยของประเทศยูเครน ในขณะที่ประเทศยูเครนทำการตอบโต้และปกป้องอธิปไตยของประเทศอย่างต่อเนื่องจะนำไปสู่การสูญเสียความเสียหายอย่างมากมายของทั้งสองประเทศทั้งที่มีการเปิดเผยและไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการสถานการณ์ตึงเครียดสูงดังกล่าวส่งผลให้กลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับประเทศในโลกตะวันตกที่เลวร้ายที่สุดรอบ 63 ปี หรือตั้งแต่ปี 1962 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤตการณ์สงครามขีปนาวุธโจมตีประเทศคิวบา

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles