รัฐบาลเล็งเกลี่ยงบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ หลังพายุหมุนภาษีนำเข้าสหรัฐ จ่อกดส่งออกทรุด ท่องเที่ยวจีนวูบ ชะลอดิจิทัลวอลเล็ต ดับฝันวัยรุ่นรอ 1 หมื่น เฟส 3 ถึงเวลาทบทวนบทเรียนนโยบายแจกเงิน อาจไม่ตอบโจทย์ฟื้นเศรษฐกิจไทย

รัฐบาลเล็งเกลี่ยงบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ หลังพายุหมุนภาษีนำเข้าสหรัฐ จ่อกดส่งออกทรุด ท่องเที่ยวจีนวูบ ชะลอ ดิจิทัลวอลเล็ต ดับฝันวัยรุ่นรอ 1 หมื่น เฟส 3 ถึงเวลาทบทวนบทเรียนนโยบายแจกเงิน อาจไม่ตอบโจทย์ฟื้นเศรษฐกิจไทย

มาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ที่แต่ดั้งแต่เดิมรัฐบาลเพื่อไทยชูเป็นนโยบายเรือธง ว่าต้องการแจกเป็นรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อปูทางให้ไทยเดินทางเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล และหวังจะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกใหญ่พัดพากำลังซื้อ กระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้กระฉูดนั้น แต่ที่ผ่านมากลับดูจะทุลักทุเลมาโดยตลอด ด้วยข้อกังวลการใช้เงินของรัฐฐาลจากหลายฝ่าย ทำให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาตรการออกไปจากเดิม

ที่ผ่านมารัฐบาลได้แบ่งแจกเป็นเฟส และได้โอนเงินแจกมาแล้ว 2 เฟสด้วยกัน ซึ่งในเฟสแรกรัฐมุ่งเจาะจงแจกให้กับกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้สูงอายุ ก่อนที่จะเดินทางมาถึงเฟส 3 ที่รัฐตั้งเป้าจะเติมเงินในกระเป๋าประชาชน 10,000 บาทในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ตจริงๆ เสียที

<เงินดิจิทัล 10,000 บาทแจกใครไปแล้วบ้าง?>

โดยเงินดิจิทัลเฟส 1: แจกให้กับกลุ่มเปราะบางจำนวน 14 ล้านคน ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงินรวม 122,000 ล้านบาท เมื่อปลายเดือนกันยายน 2567
เงินดิจิทัลเฟส 2: จ่ายเงินให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 3,025,596 ราย รายละ 10,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568

เชื่อว่าคงมีหลายคนที่กำลังรอรับเงินหมื่นผิดหวัง สำหรับโครงการเฟส 3 เพราะเงื่อนไขที่รัฐบาลได้เคาะออกมา ปรากฎว่ารัฐมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเยาวชน นักศึกษา คนรุ่นใหม่ อายุ 16–20 ปี ที่คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ประมาณ 2.7 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณราว 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงการคลัง ได้ออกมายืนยันถึงแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการดิจทัลวอลเล็ตเฟสที่ 3 นี้ว่าจะมาจากงบประมาณรายการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเสริมความเข้มแข็งเศรษฐกิจปี 2568 ที่ยังมีวงเงินคงเหลืออยู่ประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินโครงการในครั้งนี้อย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่ม

<บทเรียนนโยบายแจกเงินหมื่น อาจไม่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ>

โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) เดิมเป็นนโยบายเรือธงที่รัฐบาลตั้งความหวังไว้สูงว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ผ่านการใช้งบประมาณหลายแสนล้านบาทจากแหล่งเงินกู้ของรัฐบาล แต่หลายฝ่ายกังวลในเรื่องการดำเนินโครงการจะขัดกับข้อกฎหมาย ทำให้โครงการนี้จำเป็นต้องยืดเยื้อออกไป เนื่องจากยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ต่อมารัฐบาลจึงเปลี่ยนโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงินสด 10,000 บาทแทน และโครงการก็ได้เริ่มตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. 67 แต่หลังจากผ่านไป 1 เดือน (ยังไม่นับรวมเฟส 2 ที่ผ่านมา) ปรากฏว่าการกระเตื้องของเศรษฐกิจเริ่มแผ่วลง สะท้อนจากจีดีพีไทยปี 2567 เติบโตที่ 2.5% แต่ไม่ถึง 3% ตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งความหวังเอาไว้

รศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี ม.หอการค้าไทย มองว่าหากจะมีดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ให้พับเก็บคำว่าพายุหมุนเศรษฐกิจ เพราะมาเป็น “ระลอกเบาๆ” ส่วนเฟสใหญ่เฟสสุดท้ายซึ่งเป็นรอบเก็บตกคนที่เหลือและเป็นคนกลุ่มใหญ่ ที่รัฐบาลยืนยันว่าทำแน่นอน แต่เมื่อถึงเวลาจะได้กลับไม่ได้ ซึ่งนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์หลายคนบอกว่าพักก่อนควรหันไปทำอะไรที่ยั่งยืนจะดีกว่า

ด้านคุณสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) บอกว่านโยบายเงินดิจิทัลเฟส 3 ที่ให้กับกลุ่มเยาวชนนั้นอาจได้ผลบ้าง เพราะกลุ่มคนที่แจกยังไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ที่ไม่มากนัก เมื่อได้เงินมาอาจจะใช้จ่ายเร็ว แต่เชื่อว่าไม่น่าจะได้ผลมากกว่าเฟส 1 ที่มอบให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบาง แต่หากรัฐบาลต้องการให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจริงๆ ควรละทิ้งแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวมากขึ้น และควรกำหนดให้ใช้ไปกับการหาทักษะความรู้ ซึ่งเหมาะสมกับกลุ่มเยาวชนมากกว่า พราะเป็นกลุ่มที่กำลังจะเข้าสู่กำลังแรงงานซึ่งอาจจะนำเงินจำนวนนี้ไปเข้ารับการฝึกอบรมเพิ่มเติมให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดแรงงาน

<ทีดีอาร์ไอมองเศรษฐกิจอีก 4 ปี จะยังคงซบเซา>

คุณสมชัย ยังแนะอีกว่ารัฐต้องพยายาม “แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างมากขึ้น อย่าเน้นระยะสั้น” เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต กาสิโน พนันออนไลน์ แต่ควรเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มมาตรการระยะยาว และจะต้องเตรียมรับมือกับความยากลําบากที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามการค้าที่คาดว่าจะมาแบบเต็มรูปแบบ รวมทั้งเรื่องของสงครามยูเครนในยุโรป อาจส่งผลกระทบต่อไทยในฐานะประเทศที่พึ่งพาการส่งออก และท่องเที่ยวมาก ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ชะลอลง ขณะที่ในประเทศเองหนี้ครัวเรือนสูง ความสามารถในการผลิตไม่ได้ดีมากนัก เพราะฉะนั้นจะมีปัจจัยทั้งภายนอกและภายในเข้ามาพร้อมกัน ซึ่งมองว่าเศรษฐกิจคงซบเซาต่อไป และมองไป 4 ปีถัดไป ภาพก็จะคล้ายกัน ถ้าไม่ได้มีการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัว

<วิจารณ์หนัก ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ส่อแววโดนพับ>

แม้จะผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ ณ ปัจจุบัน โครงการแจกเงินหมื่นก็ยังไม่สามารถผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่ รัฐมนตรีคลัง แจ้งแล้วว่า ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นหนึ่งในเรื่องที่ต้องทบทวน

เมื่อวันที่ 14 พ.ค.68 คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยถึงการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะมีการรื้อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมดว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เนื่องจากครั้งนี้มีหลายเรื่องต้องทบทวน โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐอเมริกา ทุกคนเดาได้ว่าทุกประเทศจะได้รับผลกระทบหมด ดังนั้นช่วงนี้ต้องทบทวนมาตรการก่อนว่าเรื่องใดควรทำหรือไม่ เรื่องไหนควรทําก่อน

กรณีที่คุณพิชัยออกมาให้ข้อมูลบวกกับที่ผ่านมามีความคลุมเครือหลายอย่าง การไม่นำเสนอเข้าที่ประชุม ครม. จึงกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หรือแม้กระทั่งข่าวว่ารัฐบาลอาจจะพับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟสนี้ออกไปก็เป็นได้

นายกรัฐมนตรี คุณแพทองธาร ชินวัตร ก็ได้ออกมายืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ยกเลิกโครงการ แต่การที่ยังไม่ได้เสนอเข้ามาในที่ประชุม ครม. เพราะต้องขอเวียนความเห็นของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อสรุปก่อน และได้ให้เหตุด้วยว่าขณะนี้ยังต้องดูเรื่องของสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ก็มีความคิดเห็นเข้ามา รัฐบาลก็ต้องรับฟัง โดยความตั้งใจเกี่ยวกับการขับเคลื่อนโครงการนี้ เชื่อว่ามีเป้าหมายสำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เมื่อมีปัจจัยแทรกเข้าม็ต้องดูก่อนว่าจะเป็นอย่างไรก่อน

เมื่อมีสถานการณ์เรื่องกำแพงภาษีทั่วโลกและมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา จึงต้องฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม หากได้ผลสรุปอย่างไรจะรีบแจ้ง

“เรามีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายอย่างที่ต้องช่วยกันหลายด้าน พอส่งผลกระทบกับทั่วโลกที่ต้องใช้เม็ดเงินและนโยบายในการกระตุ้นทั้งหมด ไม่ใช่เพียงช่วงอายุใดอายุหนึ่ง เนื่องจากแผนเดิมเราจะมีการแบ่งเป็นช่วงอายุ” นายกฯ แพทองธารกล่าว

เอาเป็นว่าบรรดาวัยรุ่นที่กำลังรอเงินหมื่น อาจจะต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลอีกครั้งว่าในท้ายที่สุดแล้วจะพับ หรือจะแค่ชะลอออกไปก่อน ซึ่งรัฐเองก็ยืนยันเสมอว่ามีงบที่กันไว้อยู่แล้ว หากคิดบวก…รัฐบาลอาจจะแค่รอดูจังหวะแจกให้เหมาะสมกับสถานการณ์ก็เป็นได้ แต่ที่แน่ๆ วัยรุ่น (หลัง) อย่างแอดฯ BTimes ลงทะเบียนทางรัฐไว้เก้อแล้วเก้ออีก ไม่รู้จะมีวาสนาได้เงินหมื่นกับเขาบ้างไหมหน๊อ..ได้แต่คิด แล้วก็สงสัย

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles