ดัชนี SET หุ้นไทย เปิดตลาดที่ระดับ 1,192.88 จุด ปรับขึ้น 3.74 จุด หรือ +0.31% มูลค่าการซื้อขายรวม 1,905.99 ล้านบาท
บลป. เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ โดยที่ยังคงรอปัจจัยใหม่เข้ามา หลังจากที่ตลาดรับรู้ปัจจัยต่าง ๆ ไปมากแล้วช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 ของบริษัทจดทะเบียนก็รายงานครบแล้ว ทำให้ยังไม่มีปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังคงไม่มีปัจจัยใหม่เช่นกัน โดยที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาเช้านี้ก็แกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ หลังตอบรับปัจจัยบวกจากจีนลดดอกเบี้ยไปเมื่อวานนี้แล้ว โดยให้แนวต้าน 1,195-1,200 จุด แนวรับ 1,175-1,180 จุด
ด้านบล.กรุงศรี คาด SET วันนี้ “Sideways/Up” มองแนวต้าน 1,195-1,200 จุด แนวรับ 1,184-1,175 จุด
โดยประเด็นสำคัญวันนี้ “ด้แก่นโยบายการเงินโลกผ่อนคลายต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบ Tariffs วานนี้นำโดยธนาคารกลางจีนและออสเตรเลีย ส่วนสหรัฐฯ ตลาดรอสัปดาห์หน้าเงินเฟ้อ PCE เม.ย. 25 คาดทรงตามเงินเฟ้อ CPI, PPI หากมองภาพผลกระทบ Tariffs น่าจะแรงสุดใน เม.ย. ไปแล้ว คาดเงินเฟ้อช่วง 2-3 เดือนจากนี้น่าจะทรง-ลดลงตามภาพการค้าผ่อนคลาย เพิ่มโอกาส Fed เริ่มส่งสัญญาณเข้มงวดลดลง น่าจะช่วยให้สภาพคล่องสินทรัพย์เสี่ยงระยะถัดไปเพิ่มขึ้น
ภายในครม.มีมติโอนงบ “ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” มูลค่า 1.57 แสนล้านบาท ไปสู่การลงทุนภาครัฐ เราประเมินเป็นบวก Multiplier Effect เม็ดเงิน ดังกล่าว 0.8% ของ GDP น่าจะส่งผลบวกมากกว่าการแจกเงินที่ Impacts +0.3-0.5% ต่อ GDP เป็น +0.5-0.7% ต่อ GDP การขยับมาใช้เพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน, พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว, ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต สร้าง Multiplier Effect (1.3-1.6 เท่า) รวมทั้ง เงินบาทเช้านี้แข็งค่า 32.8 +/- บาท หนุนจิตวิทยาลงทุน SET และราคาน้ำมันเช้านี้ดีดขึ้นเฉลี่ย +1.5% หลังสหรัฐฯ เผยอิสราเอลจะยิงโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน ประเมินตลาดวันนี้ Sideways/Up
