ศาลรัฐบาลกลางเมืองบอสตั้นสั่งคุ้มครองชั่วคราวกับนักศึกษาต่างชาติเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โฆษกทำเนียบขาวเผยรัฐบาลสหรัฐจ่ออุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองไม่ให้มีผล ยันห้ามรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียน รัฐบาลสหรัฐชี้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดหนุนลัทธิต่อต้านชาวยิว และประสานงานกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ศาลรัฐบาลกลางเมืองบอสตั้นสั่งคุ้มครองชั่วคราวกับ นักศึกษาต่างชาติ เรียนใน มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด โฆษกทำเนียบขาวเผยรัฐบาลสหรัฐจ่ออุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองไม่ให้มีผล ยันห้ามรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียน รัฐบาลสหรัฐชี้มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดหนุนลัทธิต่อต้านชาวยิว และประสานงานกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ศาลรัฐบาลกลางแห่งนครบอสตั้น รัฐแมสซาชูเส็ท ประกาศคำตัดสินสั่งคุ้มครองชั่วคราวกับนักเรียนหรือนักศึกษาชาวต่างชาติที่กำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) หลังจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา แถลงว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถูกยกเลิกใบรับรอง Student and Exchange Visitor Program (SEVP) แล้ว รวมถึงมาตรการผลักดันหรือส่งกลับนักเรียนหรือนักศึกษาชาวต่างชาติจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกลับไปยังประเทศบ้านเกิด

ขณะที่โฆษกหญิงทําเนียบขาว เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อคณะผู้พิพากษาศาลสูงรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา ที่มีต่อคำตัดสินของนายแอลลิสัน เบอร์รอกส์ ผู้พิพากษาเขต ซึ่งไม่ได้รับการเลือกตั้งในฐานะมีสิทธิออกเสียงลงมติคำตัดสิน จึงไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการยับยั้งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์จากการใช้นโยบายการย้ายถิ่นฐานและนโยบายความมั่นคงแห่งชาติอย่างถูกต้อง

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีอายุเก่าแก่มาอย่างยาวนานถึง 389 ปี ปัจจุบันรับสมัครนักเรียนหรือนักศึกษาชาวต่างประเทศมากกว่า 6,800 คน ซึ่งคิดเป็น 27% ของจำนวนทั้งหมดที่ศึกษาในมหาวิทยาลัยดังกล่าวในทุกวันนี้

ในคืนผ่านมา คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ และมีชื่อเสียง ที่สำคัญ ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ 10 อันดับแรกของโลกมาอย่างยาวนาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการฟ้องศาลกลางแห่งนครบอสตั้น ด้วยการฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคำสั่งห้ามไม่ให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดดำเนินการรับนักเรียนหรือนักศึกษาชาวต่างประเทศเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด รวมถึงนักเรียนและนักศึกษาต่างประเทศที่กำลังศึกษาอยู่ภายในมหาวิทยาลัยดังกล่าว จะต้องถูกยกเลิกสถานะนักเรียนหรือนักศึกษา รวมถึงจะถูกผลักดันส่งกลับไปยังประเทศต้นทางของนักเรียนและนักศึกษาต่างประเทศด้วย การประกาศคำสั่งดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำการละเมิดอย่างชัดเจนที่มีต่อกฎหมายการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับแรกของสหรัฐอเมริกา และกฎหมายของรัฐบาลกลางอื่นๆด้วย

ประกาศคำสั่งดังกล่าวของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สร้างความเสียหาย และส่งผลกระทบอย่างมากมายกับบรรดานักเรียนหรือนักศึกษาชาวต่างประเทศ ที่ได้รับวีซ่าประเภทนักศึกษาเป็นจำนวนมากกว่า 7,000 คนในมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2025 นางคริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา แถลงว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถูกยกเลิกใบรับรอง Student and Exchange Visitor Program (SEVP) แล้ว จึงทำให้ไม่มีสิทธิที่จะรับนักเรียน หรือนักศึกษาต่างชาติเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยต่อไปได้ สาเหตุจากมหาวิทยาลัยสนับสนุนความรุนแรง สนับสนุนลัทธิต่อต้านชาวยิว และมีการประสานงานกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกด้วย

นอกจากนี้ กำลังพิจารณาที่จะดำเนินการเช่นนี้กับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ฮาร์วาร์ดปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติ หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกาเคยร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาก่อนหน้านี้

ในปีการศึกษาปัจจุบัน ระหว่างปี 2024–2025 ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปรากฏว่ามีนักเรียน หรือนักศึกษาชาวต่างชาติที่มีวีซ่าถูกต้องตามประเภทประมาณ 6,800 คน ซึ่งคิดเป็น 27% ของจำนวนนักเรียนหรือนักศึกษาทั้งหมด ที่สำคัญ นักเรียนหรือนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่สุดเป็นชาวจีน รองลงมาคือแคนาดา อินเดีย เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ นักเรียนหรือนักศึกษาต่างชาติที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีค่าใช้จ่ายรวม ไม่ว่าจะเป็นค่าเรียน ค่ากินค่าอยู่ รวมประมาณ 384 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 12,672 ล้านบาทในปี 2023–2024 ซึ่งช่วยสร้างงานกว่า 3,900 ตำแหน่งในนครบอสตั้นด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐอเมริการะงับเงินทุนจากรัฐบาลกลางราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 99,000 ล้านบาทที่มอบให้กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และได้ประกาศตัดงบสนับสนุนอีก 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,980 ล้านบาทจากกระทรวงสาธารณสุข สาเหตุจากข้อกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไม่จัดการปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ และลัทธิต่อต้านยิวอย่างจริงจัง

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles