ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในประกาศคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐห้ามประชาชนที่มีสัญชาติจาก 12 ประเทศเข้าสหรัฐอย่างเต็มรูปแบบและเด็ดขาดประกอบด้วยอัฟกานิสถาน เมียนมา ชาด สาธารณรัฐคองโก อิเควทอเรียลกินี เอริเทรีย เฮติ อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน และมาตรการให้จํากัดการเข้าประเทศบางส่วนของประชาชนที่มีสัญชาติจาก 7 ประเทศ ประกอบด้วยบุรุนดี คิวบา สปป.ลาว เซียร์ราลีโอน โตโก เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา ประกาศคำสั่งนี้ให้มีผลวันที่ 9 มิถุนายน 2025 เป็นต้นไป สาเหตุจากเพื่อความมั่นคงของประเทศสหรัฐอเมริกา การประกาศคำสั่งกฎมายดังกล่าวถือเป็นมาตรการห้ามประชาชนชาวต่างชาติครั้งที่ 2 หลังจากกฎหมายห้ามประชาชนชาวต่างชาติเข้าสู่สหรัฐอเมริกามีขึ้นครั้งแรกในยุคสมัยนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีวาระแรกในปี 2017
สำหรับสาเหตุการประกาศกฎหมายคำสั่งห้ามประชาชนชาวต่างชาติใน 12 ประเทศเข้าสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้ เป็นผลมาจากที่ในช่วงก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตำหนินโยบายการอนุญาตให้ชาวต่างประเทศเข้าสู่สหรัฐอเมริกาของอดีตประธานาธิบดีนายโจ ไบเดน รวมถึง เหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายนผ่านมาที่เมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด ชายขาวอียิปต์ชื่อว่า โมฮัมหมัด ซาบรี โซลิแมน โยนระเบิดน้ํามันเบนซินใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนประเทศอิสราเอล จึงเป็นเหตุการณ์ความไม่สงบและส่อทำลายความมั่นคงของประเทศสหรัฐอเมริกา
กระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ประชาชนชาวต่างชาติที่มีสัญชาติใน 12 ประเทศดังกล่าว ซึ่งได้รับวีซ่าประเภทใดๆก็ตาม โดยออกให้สมบูรณ์แบบก่อนเวลา 00.01 น. ของวันที่ 9 มิถุนายน 2025 มีผลใช้ได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ในวาระแรกของกาคเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศกฎหมายห้ามประชาชนชาวต่างประเทศที่มีสัญชาติจากจาก 7 ประเทศ ซึ่งเป็นชาวมุสลิมและเป็นประเทศมีการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ได้แก่ อิหร่าน ลิเบีย คิวบา เกาหลีเหนือ โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย เวเนซุเอลา และเยเมน มาตรการดังกล่าวในครั้งแรกได้รับการตัดสินเห็นชอบจากศาลฎีกาสหรัฐในปี 2018 ต่อมาอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ต่อจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิกกฎหมายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการการห้ามชาวต่างชาติจาก 7 ประเทศในปี 2021