โศกนาฏกรรมเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินแอร์ อินเดีย เป็นเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 787-8 ดรีมไลเนอร์ เที่ยวบินที่ AI171 ซึ่งเกิดการเสียการทรงตัวขณะขึ้นบินจากทางวิ่งของสนามบินนานาชาติในเมืองอาห์มาดาบัด (Ahmedabad) รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย ส่งผลให้เครื่องบินร่วงตกลงในย่านที่อยู่อาศัยของประชาชนใกล้กับสนามบินดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ของเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ที่ประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงถึงขั้นเครื่องบินเสียหายยับเยิน และมีจำนวนผู้เสียชีวิต ไม่เพียงกลายเป็นโศกนาฏกรรมเครื่องบินที่รุนแรง และเลวร้ายที่สุดในรอบ 11 ปี หรือตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา แต่ยังเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายครั้งที่สองของสายการบินแอร์อินเดีย ซึ่งเกิดขึ้นรอบ 40 ปี หรือเมื่อปี 1985 ที่ผ่านมาด้วย
เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 787-8 ดรีมไลเนอร์เป็นหนึ่งในเครื่องบินไอพ่นที่ทันสมัยที่สุดในการให้บริการการบินพาณิชย์ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ในวงการอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์ กล่าวว่าเป็นรุ่นที่มีประวัติความปลอดภัยมาก ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัว และส่งมอบให้กับบรรดาสายการบินชั้นนำทั่วโลกนำมาเปิดให้บริการนั้น ยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงมาก่อนแต่อย่างใด
เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 787-8 ดรีมไลเนอร์ ร่วงตกในวันนี้ ได้ส่งมอบ ให้สายการบินแอร์อินเดียในปี 2014 โดยเป็น 1 ใน 3 รุ่นย่อยที่มีขนาดเล็กที่สุดในรุ่นนี้ ตามข้อมูลของโบอิ้ง เปิดเผยว่าโดยทั่วไปแล้ว รุ่น 787-8 รองรับผู้โดยสารได้ 248 คน และ 787-9 ที่มีขนาดใหญ่กว่าและลำตัวยาวกว่าสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 296 คน และรุ่นใหญ่ที่สุด คือ 787-10 จะมีรุ่นย่อยที่มีความยาวลำตัวเครื่องเล็กที่สุด โดยมี 336 ที่นั่ง
เครื่องยนต์ของรุ่น 787-8 จะมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ยี่ห้อ ได้แก่ จีอี แอโรสเปซ GE Aerospace (GE.N) ของสหรัฐ หรือ โรลส์-รอยซ์ Rolls-Royce ของอังกฤษ (RR.L) สำหรับเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ที่ประสบอุบัติเหตุตกในวันนี้ เป็นเครื่องยนต์จีอี โดยบริษัทจีอี เปิดเผยว่าจะสนับสนุนการสอบสวนหาสาเหตุโศกนาฏกรรมในครั้งนี้
โบอิ้ง อินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินชื่อดังระดับโลกในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าได้ขายเครื่องบินรุ่น 787 ดรีมไลเนอร์มากกว่า 2,500 ลํา ในจำนวนนี้ ขาย 47 ลําให้กับสายการบินแอร์อินเดีย โบอิ้งได้ส่งมอบเครื่องบินไอพ่นทั้งหมดจำนวน 1,189 ลำ ให้กับทั้งสายการบิน หรือผู้ให้บริการเช่าเครื่องบิน รุ่น 787 ดรีมไลเนอร์ทำการบินครั้งแรกในปี 2011 หรือเมื่อ 14 ปีผ่านมา และให้บริการภายในปีเดียวกัน หลังจากเกิดความล่าช้าในการพัฒนา
รุ่น 787 ดรีมไลเนอร์ ถือเป็นการสร้างสรรค์ที่พัฒนาความก้าวหน้าในการออกแบบ และมีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 20% ผ่านการใช้วัสดุคอมโพสิตที่ทนทาน มีน้ําหนักเบา และระบบไฟฟ้าที่มากขึ้น นอกจากนี้ ขนาด ช่วงลำตัว และประสิทธิภาพของรุ่นดังกล่าว ทําให้เหมาะสําหรับการเปิดเส้นทางใหม่ ที่สำคัญ ข้อได้เปรียบทั้งหมดทำให้เครื่องบินรุ่นขนาดใหญ่โตของโลด เช่น โบอิ้ง 747 และแอร์บัส A380 ทั้ง 2 รุ่น ต้องถูกปลดออกจากการผลิต
สำหรับเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 787 ดรีมไลเนอร์ มีประวัติในการเกิดเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา แต่ยังไม่เคยเกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่ส่งผลให้เครื่องบินเกิดเพลิงไหม้และเสียหายยับเยินรวมถึงมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากถึง 242 ราย กับสายการบินแอร์อินเดียในวันนี้ เริ่มจากในเดือนกรกฎาคม 2013 สายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลน์ บินด้วยรุ่น 787 ซึ่งเป็นเครื่องว่างเปล่าได้เกิดเพลิงไหม้ขณะที่จอดบนพื้นดินที่สนามบินฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอน อังกฤษ สาเหตุพบว่าเชื่อมโยงกับไฟฟ้าลัดวงจรในเครื่องส่งสัญญาณระบุตําแหน่งฉุกเฉิน
ในปี 2013 หน่วยงานกํากับดูแลได้ระงับการใช้งานของฝูงบิน 787 ดรีมไลเนอร์ทั่วโลกเป็นการชั่วคราว หลังจากแบตเตอรี่ลิเธียมเกิดความร้อนมากเกินไปบนเครื่องบินรุ่นดังกล่าวที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น และเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบเพื่อยับยั้งความเสี่ยงจากความร้อนที่เกิดขึ้น
ในเดือนมีนาคมปี 2024 มีอย่างน้อย 50 คนได้รับบาดเจ็บเมื่อเครื่องบินรุ่น 787 ดรีมไลเนอร์ที่ให้บริการโดยสายการบินลาแทม แอร์ไลน์ LATAM Airlines ตกลงอย่างกะทันหันท่ามกลางการบินอยู่บนท้องฟ้าจากซิดนีย์ ออสเตรเลีย ไปยังเทืองโอ๊คแลนด์ นิวซีแลนด์ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสาเหตุในครั้งนั้นได้มุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติเกี่ยวกับที่นั่งนักบิน