บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (Bloomberg Intelligence) ซึ่งเป็นสำนักวิจัยด้านตลาดเงินและตลาดทุนของสำนักข่าวบลูมเบิร์กชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ราคาหุ้นของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือเอโอที ตกอยู่ในภาวะดำดิ่งอย่างรุนแรงต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ 1 มกราคม 2025 มาถึงวันนี้ ราคาหุ้นของเอโอทีดำดิ่งมากเกินกว่า -50% ส่งผลให้มูลค่าของบริษัทเอโอทีเสียหายไปมากกว่า 460,700 ล้านบาท หรือราว 14,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ยังทำให้บริษัทเอโอที ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ให้บริการสนามบินนานาชาติ มีราคาหุ้นของบริษัทที่ขาดทุนมากที่สุดแห่งหนึ่งของผู้ให้บริการสนามบินนานาชาติทั่วโลก เป็นมูลค่าอย่างน้อยน้อยกว่า 100,000,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 3,300 ล้านบาทขึ้นไป ที่สำคัญ หุ้นของบริษัทเอโอทีกลายเป็นหุ้น ที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ขาดทุนมากที่สุดในดัชนีหุ้นรวมเอ็มเอสซีไอของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย
ปัจจัยลบที่ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและเทขายหุ้นของบริษัทเอโอทีอย่างหนาตาและต่อเนื่องมาเป็นตลอดระยะเวลานานนั้น เกิดจากภาวะภาคเศรษฐกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนของผู้โดยสารต่างชาติที่เดินทางและท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยมีจำนวนลดน้อยลงมาก โดยเฉพาะนักเดินทางและท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชีย ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยมีจำนวนเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยในปี 2025 ถูกปรับเป้าลดลงไม่ต่ำกว่า 1-1.5 ล้านคนจากสำนักเศรษฐกิจชื่อดังหลายแห่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าในปี 2025 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยจะเหลืออยู่กว่า 35 ล้านคนจากเดิมที่รัฐบาลไทยคาดไว้ประมาณ 37.5 ล้านคน นั่นหมายถึง ประเทศไทยยังไม่สามารถฟื้นตลาดการท่องเที่ยวชาวต่างประเทศได้กลับมาเต็ม 100% หรือเหมือนก่อนช่วงเกิดวิกฤตการณ์โรคโควิด-19 หรือเมื่อ 6 ปีผ่านมา ที่สำคัญเป้าหมายในการที่จะฟื้นตลาดท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับไปถึงระดับ 40 ล้านคน หรือเต็ม 100% ภายในปี 2026 ต้องล่าช้าออกไปอีก
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2025 คิง พาวเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในธุรกิจค้าปลีกด้านการท่องเที่ยวได้ชี้แจงไปยังบริษัทเอโอที เพื่อยื่นความจำนงยกเลิกธุรกิจร้านปลอดภาษี หรือดิวตี้ฟรีที่อยู่ภายในอาคารของ 5 สนามบินนานาชาติทั้งหมดภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทเอโอที ส่งผลให้รายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นๆที่บริษัทเอโอทีจะได้จากคิง พาวเวอร์ ตกอยู่ในความเสี่ยงสูงมากที่จะหดหายไปอย่างสิ้นเชิง ในช่วงที่ผ่านมารายได้จากคิง พาวเวอร์ มีสัดส่วนมากถึง 17% ของรายได้รวมของบริษัทเอโอที
บริษัทเอโอทีเปิดเผยว่ารายได้สุทธิในเดือนพฤษภาคม 2025 ผ่านไป ร่วงลงถึง -13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ที่ได้รับจากคิง พาวเวอร์ ลดน้อยลง และรายได้จากพื้นที่ให้เช่าในอสังหาริมทรัพย์อื่นๆของเอโอทีตกต่ำลง
นายธีระศิลป์ เทเพนทร์ รองผู้ว่าการ ททท. ด้านนโยบายและแผน เปิดเผยว่า ในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2025 ที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนหดหายไปถึง -30% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาล มีแผนที่จะลดเป้าตัวเลขคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยในปีนี้จากเดิมที่ตั้งไว้ 37.5 ล้านคน ขณะที่ในเดือนพฤษภาคมที่เพิ่งผ่านไปจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสู่ประเทศไทยตกต่ำมากถึง -13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ซึ่งนำโดยนักท่องเที่ยวชาวจีนยังคงลดต่ำลงเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกันทำสถิติยาวนานที่สุดในช่วงกว่าสี่ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อเวลา 11:05 น. ราคาหุ้นของบริษัทเอโอทีที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเคลื่อนไหวที่หุ้นละ 28.50 บาท +1.25 บาทต่อหุ้น หรือ +4.59% ราคาหุ้นของเอโอทีนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ตกต่ำมากถึง-54% และในช่วง 5 ปีผ่านมาตกต่ำถึง -52%