ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น (Microsoft) บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ และบริการจัดการข้อมูลระบบคลาวด์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งโลก ประกาศเตรียมปลดพนักงานมากกว่า 1,000 คน หลังจากเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนผ่านมา หรือเพียง 2 สัปดาห์ ที่ประกาศปลดพนักงานกว่า 300 คน ส่งผลให้ภายในระยะเวลา 5 สัปดาห์ ประกาศปลดพนักงานรวม 3 ครั้ง ได้แก่ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ปลด 6,840 คน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ประกาศปลดกว่า 300 คน และครั้งที่ 3 ในวันนี้ ทำให้จำนวนพนักงานที่ต้องตกงานเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 8,000-10,000 คนขึ้นไป
สำหรับการประกาศปลดพนักงานครั้งที่ 3 ในคืนที่ผ่านมานั้น จะเริ่มมีผลตั้งแต่ต้นเดือนหน้าเป็นต้นไป หลังจากถึงช่วงสิ้นสุดปีงบประมาณของไมโครซอฟท์ สำหรับการพนักงานที่มีจำนวนหลายพันคนในรอบนี้จะเน้นไปที่ฝ่ายขายซึ่งในปัจจุบัน Microsoft มีจำนวนพนักงานทั้งหมด 228,000 คนทั่วโลกในจำนวนดังกล่าวเป็นพนักงานฝ่ายขายมากถึง กว่า 45,000 คนทั่วโลก
สาเหตุในการปลดพนักงานรอบที่ 3 ภายในห้าสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เป็นผลมาจากการทุงบประมาณลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ การลงทุนในเซิร์ฟเวอร์เอไอ และการลงทุนในการตั้งศูนย์ข้อมูล หรือดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งทำให้ต้องมีการปรับลดและควบคุมค่าใช้จ่ายในภาพรวมของทั้งบริษัทไมโครซอฟท์ รวมถึงเป็นการประเมิน การลงทุนเพื่อให้กลุ่มบริษัทเติบโตต่อไปได้ในอนาคต
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2025 ผ่านทาง ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ประกาศเตรียมปลดพนักงานมากกว่า 300 คน หลังจากเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม หรือผ่านมาได้เพียง 2 สัปดาห์กว่าที่ประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่จำนวนมากถึง 6,840 คนหรือคิดเป็น 3% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด 228,000 คนทั่วโลกในปัจจุบัน สำหรับพนักงานที่เข้าข่ายถูกปลดออกในรอบนี้ ได้แก่ วิศวกรซอฟท์แวร์ เจ้าหน้าที่การตลาด ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ เจ้าหน้าที่กฎหมาย และนักวิทยาศาสตร์งานวิจัย
ไมโครซอฟท์ เปิดเผยว่าจำนวนพนักงานมากกว่า 300 คนที่ถูกปลดออกครั้งนี้ เป็นการปลดเพิ่มเติมจาก 6,840 คน ที่ประกาศไปเมื่อกว่า 2 สัปดาห์ผ่านมา บริษัทฯ ยังคงมีความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อให้อยู่ในสถานะที่ดีที่สุดกับความสำเร็จท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปมาของตลาดในธุรกิจของไมโครซอฟท์
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมองตรงกัน คือการเร่งปรับตัวไปสู่ธุรกิจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอของไมโครซอฟท์ เนื่องจากตลาดเอไอแข่งขันอย่างรวดเร็วและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องตัดลด และควบคุมค่าใช้จ่ายอยู่ตลอดเวลา
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมผ่านมา ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น (Microsoft) ปลดพนักงานจำนวนมากราว 6,840 คนหรือคิดเป็น 3% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด 228,000 คนทั่วโลกในปัจจุบัน ทำสถิติการปลดพนักงานมากที่สุดในรอบ 2 ปี 3 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2023 ซึ่งในครั้งนั้น ไมโครซอฟท์ปลดพนักงานครั้งใหญ่มากถึง 10,000 คน ไมโครซอฟท์เปิดเผยต่อไปว่า การปลดพักงานจะมีขึ้นในทุกแผนก ทุกระดับ และทั่วโลก ท่ามกลางผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2025 ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาดไว้ รายได้สุทธิรายไตรมาสปรากฏว่าอยู่ที่ 25,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 851,400 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม 2023 ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ประกาศลดต้นทุนด้วยการปลดพนักงานรอบที่ 2 ของปี 2023 จำนวนกว่า 300 คน โดยเป็นพนักงานในสายงานฝ่ายขายและงานบริการลูกค้า สำหรับการประกาศปลดพนักงานในครั้งนั้น ประกอบด้วยการเชิญพนักงานมาพบเป็นการส่วนตัวจำนวน 276 ราย และแจ้งปลดด้วยการส่งอีเมล์และประชุมออนไลน์อีก 66 ราย ส่งผลจำนวนพนักงานที่ถูกปลดรอบที่ 2 ในปีนี้ รวมทั้งสิ้น 342 ราย
ในช่วงต้นปี 2023 ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่าในปี 2023 จะไม่มีการปรับขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานประจำของบริษัทไมโครซอฟท์ นอกจากนี้ ปรับลดอัตราการจ่ายเงินโบนัสลงอย่างมากให้กับผู้บริหารเมื่อเปรียบเทียบในปีผ่านมา
นายสัตยา นาเดลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ไมโครซอฟท์จะยังคงการจ่ายโบนัส และการให้หุ้นสามัญตามงบประมาณที่ถูกกำหนดไว้ แต่มีมูลค่าลดลงจากในปีผ่านมาที่บริษัทให้เป็นรางวัลกับผู้บริหารเป็นจำนวนมาก
ย้อนกลับไปเมื่อ 19 มกราคม 2022 ผ่านมา ไมโครซอฟท์ประกาศเตรียมปลดพนักงานอย่างน้อย 5% หรือราว 10,000 คน จากจำนวนพนักงานประจำที่มีอยู่ทั้งหมด 221,000 คน ในจำนวนพนักงานทั้งหมดดังกล่าวตามข้อมูลเมื่อ 1 กรกฎาคม 2022 เป็นพนักงานประจำในสหรัฐอเมริกาจำนวน 122,000 คน และพนักงานในต่างประเทศประมาณ 99,000 คน การประกาศปลดพนักงานในครั้งนั้นนับเป็นครั้งที่ 2 ในปี 2023 และนับเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา และคาดว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 40,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ไมโครซอฟท์ กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง รวมถึงการตัดสินใจลงทุนในการพัฒนาและเปิดตัวบริการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ในอนาคต ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในปี 2023
