นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สำนักวิจัยซีไอเอ็มบีไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ทำไมผมคิดว่ากนง.น่าลดดอกเบี้ยรอบวันที่ 25 มิ.ย. นี้ เหลือ 1.50% ไม่ต้องรอเก็บ policy space
1. เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงขยายตัวต่ำกว่าคาด ทั้งกำลังซื้อแผ่ว จำนวนนักท่องเที่ยวต่ำคาด ภาคการก่อสร้างเอกชนทรุดหนัก ภาคการผลิตเพิ่งเริ่มฟื้น การส่งออกขยายตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมาก็จริง แต่ทิศทางเปลี่ยนไปขาลงหลังสหรัฐตุนสต๊อกไว้มากแล้ว ยิ่งมีปัจจัยการเมืองมาแทรกยิ่งน่าห่วงแรงส่งการคลังมีปัญหา
2.เงินเฟ้อต่ำลากยาว ไม่เพียงราคาน้ำมันและพลังงาน แต่กำลังสะท้อนกำลังซื้ออ่อนแอ ของจีนทะลักทำ SME มีปัญหาหนัก แข่งขันยาก การจ้างงานไม่น่าดี
3.สินเชื่อหดตัวต่อเนื่อง ไม่เพียงกลุ่ม SME เดิม แต่มาทางสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ไม่ขยายการลงทุน เงินเหลือก็มาชำระหนี้คืน รอสถานการณ์กันไป ไม่มีแรงกระตุ้น ส่วนสินเชื่อเพื่อการบริโภคก็อ่อนแอ ยิ่งบ้านกับรถเสี่ยงทรุดต่อ
4.บ้างบอกว่าลดดอกเบี้ยไปก็ไม่ช่วย สู้เก็บกระสุนไว้ดีกว่า อันนี้ผมเห็นต่าง ลดดอกเบี้ยช่วยลดภาระคนมีหนี้เดิม และสร้างแรงจูงใจคนกู้ใหม่ๆ
5.หนี้ครัวเรือนยังเป็นปัญหา แต่ไม่รุนแรงเหมือนก่อน เพราะแบงก์คุมเข้ม และเน้นการพิจารณาส่งเสริมพฤติกรรมกู้เท่าที่จำเป็น
6.NPL หรือหนี้เสียเริ่มขยับ ยิ่งกลุ่ม SM หรือผิดนัดไม่ถึง 90 วันพุ่ง ระวังถ้าปล่อยยาวจะแก้ยาก ทางเลือกที่ดีคือเร่งปรับโครงสร้างพร้อมลดดอกเบี้ย
7.หลายสำนักมองว่ากนง.รอได้ รอลดเดือนสิงหาคมก็ไม่สาย wait and see ไปก่อน รอทั้งการเมืองให้คลี่คลาย รอการเจรจาภาษีกับทรัมป์ต้นกรกฎาคม รอเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยชัดกว่านี้ และเก็บ policy space หรือกระสุนดอกเบี้ยที่เหลือเพียง 1.75% เอาไว้ใช้ตอนจำเป็นดีกว่า
8.ผมว่าใช้เลย ยิ่งเก็บนาน ตอนจะต้องลด อาจลดหนักกว่าที่จำเป็น น่ามีมาตรการ preemptive หรือกันก่อนแก้ อย่าลืมว่าความเสี่ยงเศรษฐกิจขาลงมากขึ้น ยิ่งมองต่อไปหากมีความเสี่ยงทางการคลังจะยิ่งต้องใช้มาตรการทางการเงินมากกว่านี้
9.สรุป ฟันธงลดดอกเบี้ยเหลือ 1.50% เดือนมิถุนายนนี้ และอีกครั้งเดือนสิงหาคมเหลือ 1.25% (เห็นต่างคนอื่นแค่เวลา แต่ปลายทางที่ 1.25% คล้ายกัน) แต่หากมีปัญหาเศรษฐกิจหนักกว่านี้ ผมว่า 1.25% ก็เอาไม่อยู่ น่าลุ้นว่าต้องลดดอกเบี้ยยาว ลงลึกกว่านี้