สำนักข่าวฟาร์ส (Fars) เป็นสื่อโทรทัศน์และสำนักข่าวของรัฐบาลประเทศอิหร่านรายงานว่า รัฐสภาอิหร่านมีมติอย่างเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้ดำเนินการปิดช่องแคบฮอร์มุส มติดังกล่าวของรัฐสภาอิหร่านนับเป็นครั้งแรกในรอบ 53 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1972 เป็นต้นมา จากนี้ไปรัฐสภาอิหร่านจะได้นำส่งมติดังกล่าวไปให้คณะรัฐบาล และผู้นำสูงสุดอิหร่านพิจารณาเป็นขั้นสุดท้าย
ความเคลื่อนไหวของรัฐสภาอิหร่านในครั้งนี้ นับเป็นมาตรการตอบโต้ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้เปิดปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่มีชื่อว่ามิดไนท์ แฮมเมอร์ Midnight Hammer ด้วยการโจมตีฐานนิวเคลียร์หลักสำคัญ 3 แห่งภายในประเทศอิหร่านเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตามเวลาของประเทศไทย
สำหรับช่องแคบฮอร์มุสเป็นช่องทางสำคัญในการขนส่งน้ำมันดิบจากประเทศในตะวันออกกลางไปสู่ตลาดทั่วโลก โดยอยู่ระหว่างประเทศอิหร่านและประเทศโอมาน ปัจจุบันจะมีปริมาณน้ำมันดิบราว 20 ถึง 21 ล้านบาร์เรลต่อวันที่ทำการขนส่งผ่านช่องแคบดังกล่าว นอกจากนี้ ยังคิดเป็น 20 ถึง 25% หรือราว 1 ใน 5 ของปริมาณน้ำมันดิบที่อยู่ในตลาดทั่วโลก ในปี 2024 การส่งออกน้ำมันดิบ ของประเทศซาอุดิอาระเบียผ่านช่องแคบฮอร์มุส คิดเป็น 38% ของปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบทั้งหมดผ่านช่องแคบนี้
นักวิเคราะห์ในวงการอุตสาหกรรมน้ำมันดิบประเมินว่า หากรัฐบาลอิหร่าน และผู้นำสูงสุดอิหร่านอนุมัติมติของรัฐสภาอิหร่าน จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงอย่างก้าวกระโดดในอนาคต โดยอาจมีราคาพุ่งตั้งแต่ 30 ถึง 50% จากราคาซื้อขายในปัจจุบัน
ในสัปดาห์ที่ผ่านไป ธนาคารเจพี มอร์แกน เชสแอนด์โค ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาเปิดเผยการวิเคราะห์ต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านว่า ในกรณีเลวร้ายที่สุด อิหร่านใช้มาตรการปิดช่องแคบฮอร์มุส จะทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นไปเคลื่อนไหวระหว่าง 120 ถึง 130 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หากเป็นเช่นนั้นจริงจะทำให้ภาวะอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาพุ่งทะยานขึ้นไปเคลื่อนไหวที่ระดับ 5% จากในปัจจุบันที่อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาลดลงต่อเนื่อง และกำลังใกล้เข้าเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่ระดับ 2% ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาหรือเฟดเปิดเผยว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจะส่งผลต่อตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเรา 0.2%
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบในตราดโลกและพุ่งทะยานขึ้นมากถึง 35% เมื่อเทียบกับวันที่ 9 เมษายน 2025 ซึ่งในวันนั้นมีสถิติราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงต่ำสุดในรอบปีนี้ ที่สำคัญ นับตั้งแต่อิสราเอลเปิดการโจมตีประเทศอิหร่านเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นถึง 11% แล้ว