กรุงไทย ให้มุมมองถ้า เจรจาภาษีไทย-สหรัฐฯ ไม่ประสบความสำเร็จ อาจกดดันเศรษฐกิจ กนง. จะมีโอกาสผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น จากเดิมคาดจะคงดอกเบี้ย 

นายพูน พานิชย์พิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย (KTB) ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบวันที่ 25 มิ.ย.นี้ คาดว่า กนง. จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ไปก่อน เพื่อรอติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ให้ชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนของคดีความเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่อยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์ และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผันการปรับขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ในอัตรา 36% กับสินค้าจากไทย

“หากสุดท้าย การเจรจาภาษีไทย-สหรัฐฯ ไม่ประสบความสำเร็จ จนเสี่ยงที่ไทยจะถูกเรียกเก็บ Reciprocal Tariffs ทาง กนง. ก็สามารถปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้ผ่อนคลายมากขึ้นในการประชุมครั้งถัด ๆ ไปได้ เมื่อการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่แย่ลงชัดเจน จนต้องใช้นโยบายการเงินเข้าช่วยเหลือ” นายพูน กล่าว

ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ที่อาจขยายตัวได้ต่ำกว่าระดับศักยภาพในอดีตชัดเจน (โตต่ำกว่าระดับ 3% ต่อปี) สะท้อนว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสม หรือ Neutral Policy Rate ก็ควรอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2.5% โดยอาจอยู่ในช่วง 2.00-2.50% แต่ทั้งนี้ ในระยะสั้น ท่ามกลางปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยรอบด้าน ทั้งนโยบายการค้าของสหรัฐฯ หรือผลกระทบจากการหายไปของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้นโยบายการเงินมีความจำเป็นที่จะต้องผ่อนคลาย และอยู่ในระดับต่ำกว่า Neutral Policy Rate เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ

อีกทั้ง หากแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ไม่ได้ชะลอตัวลงหนักกว่าสมมติฐาน Reference Scenario ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ซึ่งปัจจุบัน ถือว่านโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ มีความผ่อนคลายมากกว่าที่ ธปท. ประเมินไว้) ทาง ธปท. ก็อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 1.50% ควบคู่ไปกับการใช้มาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจที่จำเพาะเจาะจง อย่างเช่น มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ โครงการคุณสู้เราช่วย และอานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ก็ถือว่าเพียงพอที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยประคองผ่านแรงกดดันจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และปัจจัยเสี่ยงด้านลบอื่น ๆ ได้

อย่างไรก็ดี หากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงมากขึ้นชัดเจน เช่น ไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าตอบโต้ในอัตราที่สูงกว่าปัจจุบัน และบรรดาประเทศอื่น ๆ ก็ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูง ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนัก ก็มีโอกาสที่ภายในปีนี้ กนง.จะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยลงเหลือ 1.00% ได้ หรืออาจจะทยอยลดลงเหลือ 1.00% ภายในครึ่งแรกของปี 2569

ทั้งนี้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ณ สิ้นปี 2568 จะอยู่ที่ระดับ 1.00-1.50%

โดยมองว่า ถ้าสถานการณ์น่ากังวลมาก กนง. สามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยลงมาได้ถึง 1.00% และอาจเริ่มมีการพิจารณาใช้มาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคเอกชน โดยมาตรการดังกล่าวอาจคล้ายกับในช่วงวิกฤต COVID-19 หรืออาจจะทยอยลดลงเหลือ 1.00% ภายในครึ่งแรกของปีหน้า

ส่วนสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ที่ล่าสุดสหรัฐฯ เข้ามาร่วมปฏิบัติการทางทหารกับอิสราเอลในการโจมตีอิหร่าน ซึ่งทำให้คาดว่าสงครามจะยิ่งรุนแรงและยืดเยื้อต่อไปอีกนั้น นายพูน มองว่า ยิ่งปัจจัยความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้น ก็เชื่อว่า กนง.จะรอดูและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดไปก่อน ดังนั้นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เชื่อว่า กนง.จะยังตรึงดอกเบี้ยไว้ในการประชุมรอบนี้

สำหรับการประชุม กนง.ของปี 2568 นอกจากการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 มิ.ย.นี้แล้ว ในช่วงครึ่งปีหลังยังเหลือการประชุมอีก 3 ครั้ง คือ วันที่ 13 ส.ค., 8 ต.ค. และ 17 ธ.ค.68

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles