นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. เปิดเผยยอดขายยานยนต์ในไทยพ.ค. 68 และรวม 5 เดือนแรกในปี 68 มีดังนี้ ยอดขายรถยนต์ในพ.ค.มี 52,229 คัน เพิ่มขึ้น 10.67% จากเดือนเม.ย.ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้นเบาบางเพียง 4.73% จากเดือนเดียวกันในปี 67 อย่างไรก็ตาม เป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันจากเม.ย. 68 สาเหตุจากการขายรถยนต์ไฟฟ้า BEV เพิ่ม 118.64% รถเครื่องยนต์ PHEV เพิ่ม 234.68% และรถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายใน เพิ่ม 3.18%
เนื่องจากราคาที่จับต้องได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถกระบะยังคงลดลง 24.84% จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังอ่อนแอจากการลงทุนภาคเอกชนที่ยังต่ำ รวมทั้งค่าครองชีพที่สูงขึ้น อีกทั้งการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงจากนักท่องเที่ยวจีนที่กังวลเรื่องความปลอดภัย ความกังวลเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่จะไม่ได้ใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้จากปัญหาการเมืองที่ขัดแย้งกัน ซึ่งจะซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศที่ทรุดอยู่แล้วทรุดลงมากขึ้นไปอีก
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 35,560 คัน เท่ากับ 68.08% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 19.82% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 13,769 คัน หรือ 26.36% ของยอดขายทั้งหมด ลดลง 3.19% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 11,188 คัน เท่ากับ 21.42% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 118.64% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 743 คัน เท่ากับ 1.42% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 234.68% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 9,860 คัน เท่ากับ 18.88% ของยอดขายทั้งหมด ลดลง 10.34% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
รถกระบะมีจำนวน 11,148 คัน ลดลง 24.84% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว รถกระบะไฟฟ้ามีจำนวน 86 คัน ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 1,178 คัน ลดลง 7.97% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว
ดังนั้น 5 เดือนแรกของปีนี้ มียอดขายรถยนต์สะสมรวม 252,615 คัน ลดลง 2.98% จากปี 2567 ในระยะเวลาเดียวกัน ประกอบด้วย รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 162,748 คัน หรือ 64.43% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.07% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 61,704 คัน เท่ากับ 24.43% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งลดลง 11.84% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
รถยนต์นั่งแหละรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 44,821 คัน เท่ากับ 17.74% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้น 59.23% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 4,447 คัน เท่ากับ 1.77% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้น 353.31% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 51,776 คัน เท่ากับ 20.50% ของยอดขายรถยนต์นั่ง และรถยนต์นั่งตรวจการณ์ ซึ่งลดลง 9.58% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว รถกระบะมีจำนวน 62,467 คัน ลดลง 17.27% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 259 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 5,853 คัน ลดลง 14.01% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว