ธนาคารกลางกว่า 30% ทั่วโลกตุนทองคำเพิ่มใน 2 ปีหน้า จ่อเพิ่มถือเงินยูโร ลดถือเงินดอลลาร์สหรัฐ ระยะยาวมองเงินหยวนเพิ่มมากขึ้น การเมืองสหรัฐมีผลต่อการถือเงินดอลลาร์สหรัฐ

ธนาคารกลางกว่า 30% ทั่วโลกตุน ทองคำ เพิ่มใน 2 ปีหน้า จ่อเพิ่มถือเงินยูโร ลดถือเงินดอลลาร์สหรัฐ ระยะยาวมองเงินหยวนเพิ่มมากขึ้น การเมืองสหรัฐมีผลต่อการถือเงินดอลลาร์สหรัฐ

สภาการประชุมสถาบันการเงิน และเจ้าหน้าที่การเงิน หรือโอเอ็มเอฟไอเอฟ (OMFIF) เปิดเผยรายงานผลสำรวจธนาคารกลางทั่วโลกรอหนึ่งในสามหรือมากกว่า 33% ของธนาคารกลางทั่วโลก ที่ต้องบริหารจัดการทรัพย์สินมีมูลค่ากว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 165 ล้านล้านบาท มีแผนที่จะเพิ่มการถือครองทองคำแท่งเพิ่มขึ้นภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดอย่างน้อยใน 5 ปีผ่านมา นอกจากนี้การเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำนั้น ทำให้บรรดาธนาคารเหล่านี้ต้องลดการถือของเงินดอลลาร์สหรัฐ สำหรับระยะสั้นแล้ว ธนาคารกลางให้น้ำหนักกับเงินเหรียญยูโร แต่ในระยะยาว มองว่าเงินหยวนจะมีน้ำหนักในการถือครองมากขึ้น จากปัจจุบัน

ผลสำรวจดังกล่าวที่ทำกับธนาคารกลางจำนวน 75 แห่ง หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของ ทั่วโลก ได้กลายเป็นทรัพย์สินที่ชื่นชอบต่อเนื่องไปถึงในระยะยาวอีกด้วย โดยมีสัดส่วนมากถึง 40% ของธนาคารกลางดังกล่าวที่จะเพิ่มการถือครองทองคำแท่งในช่วง 10 ปีข้างหน้า สำหรับเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งในปีที่ผ่านมาได้รับการจัดอันดับให้เป็นทรัพย์สินอันดับต้นต้นของธนาคารตราทั่วโลกนั้นคนในปีนี้ดัดรถลดลงมาอยู่ในลำดับที่เจ็ด โดยมี 70% ของรายงานดังกล่าวระบุว่า สิ่งแวดล้อม หรือปัจจัยของการเมืองในสหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นปัจจัยฉุดรั้งการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับรายงานในปีผ่านไป

รายงานเปิดเผยต่อไปว่า 16% ของธนาคารกลางที่อยู่ในผลสำรวจนี้ยอมรับว่า เตรียมแผนที่จะเพิ่มการถือครองสกุลเงินเหรียญยูโรในช่วง 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า ส่งผลให้สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 7% ของธนาคารกลางในผลสำรวจเมื่อปี 2024 กลายเป็นสกุลเงินที่มีความต้องการเพิ่มการถือครองขึ้นมากที่สุดเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ ที่สำคัญสัดส่วนของการถือครองเงินเหรียญยูโรจะเพิ่มจาก 20% ของทุนสำรองระหว่างประเทศในปัจจุบันขึ้นมาเป็น 25% ใสใสใสใสภายในสิ้นสุดยุคทศวรรษ 2020 นี้ สาเหตุมาจากปัจจัยการเมืองในสหรัฐอเมริกาและนโยบายด้านเศรษฐกิจการค้าและการเมืองระหว่างประเทศโดยเฉพาะนโยบายและมาตรการภาษีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ธนาคารกลางได้ปรับเปลี่ยนนโยบายและกลยุทธ์ในการบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศ

สำหรับสกุลเงินในลำดับถัดมา พบว่ามีความต้องการถือครองเงินหยวนเพิ่มขึ้นในระยะยาว ในช่วงมากกว่า 10 ปีขึ้นไป พบว่ามีถึง 30% ของธนาคารกลางในผลสำรวจนี้ที่จะเพิ่มการถือครองเงินหยวนมากขึ้น และในแง่สัดส่วนของเงินหยวนในทุนสำรองระหว่างประเทศ จะเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า มาอยู่ที่ 6% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีแนวโน้มว่า ธนาคารกลางทั่วโลกจะลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐในทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่เมื่อถึงปี 2035 สัดส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐจะอยู่ที่ 52% ของทุนสำรองระหว่างประเทศทั่วโลก แม้ว่าจะลดลงจาก 58% ในปัจจุบัน เป็นที่สะท้อนชัดเจนว่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ยังคงเป็นสกุลเงินที่ถือครองในทุนสำรองเพราะประเทศเกินกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมด

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles