จะบอกว่าเทคโนโลยีดิสรัปโลกก็ไม่น่าจะเกินจริง เพราะนอกจากจะเข้ามาอำนวยความสะดวกในรูปแบบอุปกรณ์ของใช้ ยังเป็นตัวเชื่อมการชอปปิ้งให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ผ่านบริการการหยิบยืมเงินในอนาคตมาจับจ่าย ที่สมัครง่าย โดยไม่ต้องยื่นกระดาษ ขอเพียงแค่มีสมาร์ทโฟน มีบัญชีธนาคาร และเป็นบุคคลสัญชาติไทย ก็สามารถยื่นสมัครได้แล้ว โดยบริการดังกล่าวถูกเรียกง่ายๆ ว่า ‘Buy Now Pay Later (BNPL)’ แปลเป็นไทยว่าบริการ ‘ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง’
Buy Now Pay Later (BNPL) คือสินเชื่อที่ไม่ใช้หลักทรัพย์ แถมยังอนุมัติวงเงินสูง (ขึ้นอยู่กับผลการพิจารณา) เข้าถึงง่าย ซึ่งบริการ Buy Now Pay Later ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดย ‘Klarna’ สตาร์ทอัพสายฟินเทคจากประเทศสวีเดนในช่วงราวๆ ปี 2005 ก่อนจะถูกหยิบยกเข้ามาใช้เป็นตัวกลางในการชำระเงินในแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทยในช่วงการระบาดของโรคโควิด–19
นอกเหนือไปกว่าการเข้าถึงง่าย การอนุมัติที่ว่องไวภายใน 1–2 วัน บางรายอาจใช้ระยะเวลาเพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมงก็ทราบผลการพิจารณา การไม่ต้องถูกตรวจสอบข้อมูล Credit Score ข้อมูลรายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล หรือแม้แต่การคิดคำนวณอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0% กับระยะเวลาในการผ่อนชำระไม่กี่งวด บางผู้ให้บริการกำหนดที่ 2 เดือน 3 เดือน 5 เดือน หรือหากต้องการผ่อนชำระในระยะเวลาที่มากกว่านั้นก็จะมีการเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมที่เมื่อกดเครื่องคิดเลขแล้ว ก็ถือว่ายังอยู่ในเรทที่ผู้ใช้บริการรับได้ อายุผู้สมัครก็ยังดูเหมือนจะต่ำกว่าบัตรเครดิตคือเพราะแค่คุณมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ก็สามารถยื่นสมัครได้แล้ว ส่งผลให้บริการ Buy Now Pay Later (BNPL) ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กเจนซี (Z) ดันให้บริการนี้เติบโตอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับตลาดอีคอมเมิร์ซในระยะเวลาเพียงสั้นๆ
หากใครหลงเข้ามาอยู่ในวังวนบริการซื้อก่อน จ่ายทีหลังนี้แล้ว ก็อยากให้บริหารจัดการรายจ่ายให้อยู่ในสัดส่วนที่พอดี เพราะความเข้าถึงง่าย รูดจ่ายคล่อง ก็อาจกลายเป็นดาบสองคม ทำให้เกิดพฤติกรรมการใช้เงินมือเติบจนนำไปสู่การเป็นหนี้หัวแตกในอนาคต…