องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) หรือแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นกลุ่มสิทธิมนุษยชนชื่อดังระดับโลกในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับรัฐบาลกัมพูชา ระบุว่ากัมพูชาจงใจเพิกเฉยกับการกระทำล่วงละเมิดที่เกิดขึ้นจากบรรดาแก๊งอาชญากรรมไซเบอร์ในค้ามนุษย์จากทั่วโลก รวมถึงเด็ก ๆ ให้ตกเป็นทาสในคอมเพล็กซ์ที่หลอกลวง และโหดร้าย
รายงานดังกล่าว เปิดเผยว่า ในประเทศกัมพูชามีศูนย์หลอกลวง หรือศูนย์สแกมเมอร์มากถึง 53 แห่ง และยังพบแหล่งที่ตั้งที่ต้องสงสัยอีกหลายสิบแห่งทั่วประเทศ ที่สำคัญ ยังพบสถานที่ดังกล่าวในกรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็น 1 ใน 11 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน
ศูนย์หลอกลวง หรือศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชา เป็นคอมเพล็กซ์คล้ายเรือนจํา มีการติดตั้งด้วยรั้วสูง และลวดหนาม มีการลาดตระเวน เพื่อปกป้องโดยชายติดอาวุธ และมีพนักงานที่ถูกหลอกมาตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ คนเหล่านี้ถูกบังคับให้ทำการฉ้อโกงผู้คนทั่วโลก เหยื่อที่ถูกหลอกลวงจำนวนมากที่อยู่ข้างในจะได้รับการลงโทษด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การช็อคร่างกายด้วยกระบองไฟฟ้า การกักขังในห้องมืด และการทุบตี
แอมเนสตี้ กล่าวว่า การค้นพบสิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นถึงรูปแบบความล้มเหลวของรัฐ ซึ่งทำให้เกิดการหล่อเลี้ยงด้วยอุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐที่เฟื่องฟู รวมถึงความล้มเหลวในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน การระบุและการช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวง และการกำกับควบคุมบริษัทรักษาความปลอดภัย และเครื่องมือทรมาน
ขณะที่ เพน โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชากล่าวว่า กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการเพิกเฉยดังกล่าว โดยเฉพาะคณะทํางานที่นําโดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม และย้ำว่ารายงานดังกล่าวนั้นเกินจริง กัมพูชาเป็นหนึ่งในเหยื่อของอุตสาหกรรมการหลอกลวง และต้องการความร่วมมือมากกว่าการตำหนิ
ถึงแม้ว่ากัมพูชาจะเปิดเผยว่าได้มีการบุกจู่โจม ซึ่งนำไปสู่การปล่อยคนงานที่ถูกค้ามนุษย์บางคน แต่การตรวจสอบเชิงลึก พบว่า มากกว่า 2 ใน 3 ของคอมเพล็กซ์หลอกลวง ไม่เพียงกลับไม่ได้ถูกสอบสวนโดยตำรวจ แต่ยังคงดําเนินการตามปกติต่อไปหลังจากการตำรวจกัมพูชาเข้าตรวจสอบ
แอกเนส คัลลามาร์ด เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ผู้รอดชีวิตจากศูนย์สแกมเมอร์ หรือศูนย์หลอกลวงเหล่านี้ อธิบายให้เห็นถึงการถูกหลอกลวง การถูกค้ามนุษย์ และการตกเป็นทาส ต้องถูกขังอยู่ในฝันร้ายที่กำลังมีชีวิต ทำให้กลายคนในองค์กรอาชญากรรม ที่ดําเนินงานโดยได้รับความยินยอมจากรัฐบาลกัมพูชาอย่างชัดเจน
ศูนย์กลางของอุตสาหกรรมการหลอกลวงทั่วโลก ถือกำเนิดเกิดขึ้นในประเทศกัมพูชาในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนำโดยกลุ่มอาชญากรที่เป็นคนจีน ด้วยการนําคาสิโน และโรงแรมที่ไม่ได้ใช้งาน กลับมาเปิดเป็นศูนย์สแกมเมอร์ หรือศูนย์หลอกลวง ที่มีผู้คนมากถึง 100,000 คน ข้อมูลนี้เป็นไปตามการรายงานของสหประชาชาติ
ทั้งนี้ สถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชาในปัจจุบันสร้างรายได้มากกว่า 12,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือกว่าปีละ 412,500 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของจีดีพีของประเทศกัมพูชา