ปธน.ทรัมป์ส่งจดหมายรอบสองช่วงเช้าถึง 6 ประเทศ ฟิลิปปินส์จ่ายเพิ่มอีก 3% เป็น 20% บรูไนเพิ่ม 1% เป็น 25% สวมสิทธิส่งออกจะถูกเก็บภาษีสูงขึ้นอีก มีผล 1 สิงหาคมนี้

ปธน.ทรัมป์ส่งจดหมายรอบสอง ช่วงเช้าถึง 6 ประเทศ ฟิลิปปินส์จ่ายเพิ่มอีก 3% เป็น 20% บรูไนเพิ่ม 1% เป็น 25% สวมสิทธิส่งออกจะถูกเก็บภาษีสูงขึ้นอีก มีผล 1 สิงหาคมนี้

วันที่ 9 กรกฎาคม 2025 เมื่อเวลา 11.40 น. ตามเวลาในกลุ่มวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือตรงกับวันนี้ 9 กรกฎาคม เวลา 22.40 น. ตามเวลาประเทศไทย ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์จดหมายประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการะบุข้อความการเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs กับ 6 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นการส่งจดหมายรอบที่ 2 ตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวานนี้

2 ใน 6 ประเทศที่ช่วงเช้าวันนี้(ตามเวลาสหรัฐ)ได้รับจดหมายจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในรอบที่ 2 นี้ ได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีที่ระดับ 20% สําหรับสินค้าใด ๆ และทั้งหมดที่ส่งเข้ามาในสหรัฐอเมริกา โดยอัตรา 20% จะแยกจากออกจากภาษีนำเข้าสินค้าเฉพาะรายสินค้า หรือรายอุตสาหกรรมทั้งหมด สินค้าที่นำเข้าสหรัฐอเมริกาด้วยการเปลี่ยนเครื่องบิน หรือทางทะเลเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น จะต้องเสียภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นจากอัตราภาษี 20%

ส่วนอีก 1 ประเทศ คือบรูไน สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีที่ระดับ 25% สําหรับสินค้าใด ๆ และทั้งหมดที่ส่งเข้ามาในสหรัฐอเมริกา โดยอัตรา 25% จะแยกจากออกจากภาษีนำเข้าสินค้าเฉพาะรายสินค้า หรือรายอุตสาหกรรมทั้งหมด สินค้าที่นำเข้าสหรัฐอเมริกาด้วยการเปลี่ยนเครื่องบิน หรือทางทะเลเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น จะต้องเสียภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นจากอัตราภาษี 25%

สำหรับอัตราภาษีที่ระบุในจดหมายส่งถึงฟิลิปปินส์ และบรูไนนั้น พบว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราภาษีต่างตอบแทนของทั้งสองประเทศจากเดิมที่ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายนผ่านมา โดยเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากฟิลิปปินส์เพิ่มอีก 3% จากเดิม 17% และนำเข้าจากบรูไนเพิ่มอีก 1% จากเดิม 24% ตามลำดับ

ดังนั้น ถึงวันนี้ 9 กรกฎาคม 2025 ทั้ง 11 ประเทศในกลุ่มอาเซียน มีอัตราภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs เป็นดังนี้ อัตราภาษีสูงที่สุด คือ 40% เท่ากัน คือ เมียนมาและสปป.ลาว (สปป.ลาว และเมียนมา ลดลง 8% และ 4% ตามลำดับ) อัตราภาษีอันดับที่ 2 ที่ 36% เท่ากัน คือ ไทย(อัตราเดิม) และกัมพูชา (ลดลง 13%) อัตราภาษีอันดับที่ 3 ที่ 35% คือ อินโดนีเซีย (เพิ่มขึ้น 3%)

อัตราภาษีอันดับที่ 4 ที่ 25% เท่ากัน คือ มาเลเซีย และบรูไน (เพิ่มขึ้น 1% ทั้ง 2 ชาติ) อัตราภาษีอันดับที่ 5 ที่ 20% เท่ากัน คือ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ (เวียดนามลดลง 26% ฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น 3%) และอัตราภาษีอันดับที่ 6 ที่ 10% เท่ากันมี 2 ประเทศสุดท้าย คือ สิงคโปร์ และติมอร์-เลสเต้ ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลง

ในขณะที่ อีก 4 ประเทศ ที่ได้รับจดหมายจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในรอบที่ 2 ได้แก่ ลิเบียถูกเก็บ 30% อิรักถูกเก็บ 30% สาธารณรัฐแห่งแอลจีเรียถูกเก็บ 30% และ สาธารณรัฐแห่งโมโดวัลถูกเก็บ 25%

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles