สำนักงานสืบสวนอุบัติเหตุอากาศยานประเทศอินเดีย หรือเอเอไอบี (AAIB) เปิดเผยรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 787-8 ดรีมไลเนอร์ของสายการบินแอร์อินเดียตกเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนผ่านมา ซึ่งทําให้มีผู้เสียชีวิต 260 รายทั้งในเครื่องบินและประชาชนในจุดเกิดเหตุ และมีผู้รอดชีวิตเพียง 1 ราย พบว่า ระบบการส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ของเครื่องบินไม่ทำงานเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากที่เครื่องบินลำดังกล่าวขึ้นบินขึ้นจากทางวิ่งของสนามบินตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ระบบบันทึกเสียงสนทนาภายในห้องนักบิน เปิดเผยว่า เสียงนักบินคนหนึ่งถามอีกคนว่า ทําไมถึงกดสวิตช์ตัดระบบส่งน้ำมันเชื้อเพลิง นักบินอีกคนตอบว่าเขาไม่ได้ทำ เครื่องบินลำดังกล่าวทำอัตราเร่งขึ้นถึงระดับความเร็วสูงสุดขณะที่เครื่องยกตัวและเชิดหัวขึ้น ปรากฏว่าปุ่มสวิตช์ควบคุมระบบส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังเครื่องยนต์ทั้งหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ของเครื่องบิน เลื่อนจากตำแหน่งเปิดไปอยู่ในตำแหน่งปิด ซึ่งปุ่มสวิตช์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาห่างกันเพียง 1 วินาที หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 10 วินาที ปุ่มสวิตช์ควบคุมระบบส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังเครื่องยนต์ทั้งหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ของเครื่องบิน เลื่อนจากตำแหน่งปิดกลับไปอยู่ในตำแหน่งเปิดอีกครั้ง ทำให้ระบบการรีสตาร์ทอัตโนมัติเริ่มทำงานอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันที่นักบินคนหนึ่งส่งสัญญาณว่าเมย์เดย์ เมย์เดย์ เมย์เดย์ ไปยังหอวิทยุควบคุมการจราจรที่สนามบิน ขณะที่เจ้าหน้าที่หอวิทยุการบินตอบกลับมาว่า เกิดอะไรผิดปกติกับคุณ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเครื่องบินเสียการควบคุมและร่วงตกลงเหนือตึกศูนย์การแพทย์ที่อยู่ใกล้กับสนามบิน
นายจอห์น ค็อกซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยการบินของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า นักบินไม่สามารถปรับเปลี่ยนปุ่มสวิตช์น้ำมันเชื้อเพลิงที่ป้อนเครื่องยนต์อย่างไม่ได้ตั้งใจได้ การตัดการทำงานระบบส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจะส่งผลให้เกือบตัดการทำงานของเครื่องยนต์ในทันที ส่วนใหญ่แล้ว มักใช้เพื่อปิดเครื่องยนต์เมื่อเครื่องบินเข้าจอดเทียบประตูสนามบิน และใช้งานในยามสถานการณ์ฉุกเฉินบางอย่าง เช่น ไฟไหม้เครื่องยนต์ของเครื่องบิน
ทั้งนี้ โศกนาฏกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2025 เวลา 13.39 น. ตามเวลาในอินเดีย เป็นเที่ยวบิน A171 กำลังบินยกตัวขึ้นจากทางวิ่งของสนามบินนานาชาติในเมืองอาห์มาดาบัด (Ahmedabad) รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย เพื่อเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติแกทวิต กรุงลอนดอน อังกฤษ เบรรที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสาร 230 คน ประกอบด้วย ชาวอินเดีย 169 คน ชาวอังกฤษ 53 คน ชาวโปรตุเกส 7 คน และชาวแคนาดา 1 คน พร้อมลูกเรือ 12 คน ซึ่งมีผู้รอดชีวิตเพียง 1 รายเป็นชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดีย
ไม่เพียงกลายเป็นโศกนาฏกรรมเครื่องบินที่รุนแรง และเลวร้ายที่สุดในรอบ 11 ปี หรือตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา แต่ยังเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายครั้งที่สองของสายการบินแอร์อินเดีย ซึ่งเกิดขึ้นรอบ 40 ปี หรือเมื่อปี 1985 ที่ผ่านมาด้วย
เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 787-8 ดรีมไลเนอร์เป็นหนึ่งในเครื่องบินไอพ่นที่ทันสมัยที่สุดในการให้บริการการบินพาณิชย์ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ในวงการอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์ กล่าวว่าเป็นรุ่นที่มีประวัติความปลอดภัยมาก ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัว และส่งมอบให้กับบรรดาสายการบินชั้นนำทั่วโลกนำมาเปิดให้บริการนั้น ยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงมาก่อนแต่อย่างใด
เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 787-8 ดรีมไลเนอร์ ที่เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวได้ส่งมอบให้สายการบินแอร์อินเดียในปี 2014 โดยเป็น 1 ใน 3 รุ่นย่อยที่มีขนาดเล็กที่สุดในรุ่นนี้ ตามข้อมูลของโบอิ้ง เปิดเผยว่าโดยทั่วไปแล้ว รุ่น 787-8 รองรับผู้โดยสารได้ 248 คน และ 787-9 ที่มีขนาดใหญ่กว่าและลำตัวยาวกว่าสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 296 คน และรุ่นใหญ่ที่สุด คือ 787-10 จะมีรุ่นย่อยที่มีความยาวลำตัวเครื่องเล็กที่สุด โดยมี 336 ที่นั่ง
เครื่องยนต์ของรุ่น 787-8 จะมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ยี่ห้อ ได้แก่ จีอี แอโรสเปซ GE Aerospace (GE.N) ของสหรัฐ หรือ โรลส์-รอยซ์ Rolls-Royce ของอังกฤษ (RR.L) สำหรับเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ที่ประสบอุบัติเหตุตกในวันนี้ เป็นเครื่องยนต์จีอี โดยบริษัทจีอี เปิดเผยว่าจะสนับสนุนการสอบสวนหาสาเหตุโศกนาฏกรรมในครั้งนี้
สำหรับเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 787 ดรีมไลเนอร์ มีประวัติในการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่ถึงขั้นตกและมีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมากมาย ในอดีตที่ผ่านมา เริ่มจากในเดือนกรกฎาคม 2013 สายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลน์ บินด้วยรุ่น 787 ซึ่งเป็นเครื่องว่างเปล่าได้เกิดเพลิงไหม้ขณะที่จอดบนพื้นดินที่สนามบินฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอน อังกฤษ สาเหตุพบว่าเชื่อมโยงกับไฟฟ้าลัดวงจรในเครื่องส่งสัญญาณระบุตําแหน่งฉุกเฉิน
ในปี 2013 หน่วยงานกํากับดูแลได้ระงับการใช้งานของฝูงบิน 787 ดรีมไลเนอร์ทั่วโลกเป็นการชั่วคราว หลังจากแบตเตอรี่ลิเธียมเกิดความร้อนมากเกินไปบนเครื่องบินรุ่นดังกล่าวที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น และเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบเพื่อยับยั้งความเสี่ยงจากความร้อนที่เกิดขึ้น
ในเดือนมีนาคมปี 2024 มีอย่างน้อย 50 คนได้รับบาดเจ็บเมื่อเครื่องบินรุ่น 787 ดรีมไลเนอร์ที่ให้บริการโดยสายการบินลาแทม แอร์ไลน์ LATAM Airlines ตกลงอย่างกะทันหันท่ามกลางการบินอยู่บนท้องฟ้าจากซิดนีย์ ออสเตรเลีย ไปยังเทืองโอ๊คแลนด์ นิวซีแลนด์ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสาเหตุในครั้งนั้นได้มุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติเกี่ยวกับที่นั่งนักบิน