กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องตามราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น และเงินหยวนที่แข็งค่าหลังธนาคารกลางจีนตั้ง Fixing เงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะขึ้นภาษีจาก EU และเม็กซิโกที่ 30% และจะขึ้นภาษีจากแคนาดาที่ 35% วันที่ 1 ส.ค. แต่ยังเปิดโอกาสให้เจรจาเพื่อลดอัตราภาษีลงได้
ผลสำรวจจากนิด้าโพลชี้ว่า ประชาชนราว 42% เห็นว่า นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ควรลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่เสียงราว 33% สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ คนต่อไป
ด้านนายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.38 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากปิดสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 32.44 บาท/ดอลลาร์ โดยตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down ตามอานิสงส์การปรับ ตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ
สำหรับในสัปดาห์นี้ ตลาดรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI และยอดค้าปลีก พร้อมรอลุ้น รายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน
ส่วนในประเทศตลาดจะรอติดตามรายงานยอดการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย. ที่อาจยังสามารถขยายตัวในเกิน +15% y/y แต่ผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ จะกดดันให้ ยอดการส่งออกของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ขณะที่ แนวโน้มเงินบาทนั้น โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้ชะลอลง โดยเงินบาทยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า ตามการทยอย ปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ แม้ว่าโดยรวมเงินดอลลาร์จะทยอยแข็งค่าขึ้นก็ตาม ซึ่งความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความเสี่ยงการเมืองในประเทศไทย อาจกดดันให้เงินบาทยัง มีความเสี่ยงอ่อนค่าลงบ้าง แต่เงินบาทจะอ่อนค่าได้มากน้อยเพียงใด จะขึ้นกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ทั้งนี้คาดกรอบเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์